รีวืวร้านอาหารญี่ปุ่นนากิยะ (Nagiya) @The Scene
June 18, 2014 in รีวิวร้านอาหาร
June 3, 2014 in ที่พัก, ภาคตะวันออก
May 30, 2014 in รีวิวร้านอาหาร
May 24, 2014 in Switzerland, ต่างประเทศ
หลังจากที่เดินชมโบสถ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น จะพบเจอน้ำพุอยู่เรื่อยๆตลอดทาง แต่ละแห่งก็จะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนกันเลยต้องเก็บภาพมาคะ
เดินออกมาได้ไม่ไกลเห็นต้นไม้ต้นนี้รูปทรงสวยดีคะ แตกกิ่งก้านสาขาออกมาราวกับผลงานศิลปะ แล้วด้านหลังเป็นบ้านสไตล์พื้นเมืองของประเทศสวิส บ้านไม้ๆชอบคะแนวนี้
บ้านดูเก่าแก่ดูเป็นรูปแบบเดิมนะคะ แต่ไม่ทรุดโทรมเลย ดูอบอุ่นน่าอยู่ ชาวเมืองที่นี่จะจัดสวนเป็นไม้พุ่มเล็กๆน่ารักมากคะ ตัดกับพื้นหญ้าเขียวๆ สวนในฝันเลย^^
ระหว่างทางที่เดินไปตามรอยสิงโตหลับ หรือใครจะเรียกสิงโตร้องไห้ สิงโตเศร้า จะมีร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง สินค้าที่ระลึก จนกระทั่งนาฬิการาคาแพงๆทั้งหลายที่หลายคนที่มาสวิสจะต้องไม่พลาดที่จะซื้อกลับไปสักเรือนเป็นที่ระลึกว่ามาซื้อถึงสวิสเลยนะเธอว์…. แต่ละร้านก็สามารถต่อรองราคากันได้หากซื้อหลายๆชิ้น อันนี้แล้วแต่ความสามารถในการพูดคุยกับคนขายเลยคร้า
หลังจากที่แวะเลือกกันอยู่นาน ซื้อกันอยู่นานก็เดินทางมาครึ่งทางที่จะไปสิงโตหลับ เริ่มจากตรงป้ายรถเมล์ที่เห็นทางด้านซ้ายมือนะคะ เราจะเดินเข้าไปตรงกลางเพื่อไปยังอนุสาวรีย์สิงโต Lion Monument กันเสียที
เดินเข้ามาจะเจอทางเข้าแบบนี้คะ คล้ายๆสวนสาธารณะมาก ถ้าไม่รู้จักคงจะคิดว่าเป็นสวนสาธารณะธรรมดาแห่งหนึ่ง เพราะสวนที่นี่สวยน่านั่งชิลๆทั้งวันคะ อากาศดี คนก็ไม่วุ่นวาย ไม่สนใจกัน อยากทำอะไรก็ทำตามสบาย เข้าไปดูข้างในกันดีกว่าคะ
อยากเข้าไปดูใกล้ๆจังเลยคะ ไม่รู้จะสร้างบ่อน้ำไว้ด้านหน้าทำไม มามีสาระกันหน่อยดีกว่าคะ อนุสาวรีย์รูปสิงโตหินแกะสลัก (Lion Monument) เป็นอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สิงโตหินที่แกะสลักอยู่บนหน้าผา โดยทำการแกะสลักหินเป็นรูปสิงโตที่ถูกหอกแทงทะลุหลังในท่านอนหมอบอยู่ข้างโล่พร้อมร่ำให้ก่อนเสียชีวิตด้วยใบหน้าและท่วงท่าที่เศร้าสร้อยอย่างเต็มที่ เปรียบเหมือนพญาราชสีห์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังสิ้นท่า สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารสวิสฯในด้านความกล้าหาญ ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ที่เสียชีวิตไปในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างการต่อสู้ป้องกันพระราชวัง และเมืองลูเซิร์น
หลังจากที่เดินเล่นกันเต็มที่แล้ว เดินออกไปหาของกินกันดีกว่าคะ คงหนี้ไม่พ้นซุปเปอร์แถวนี้ เพราะร้านอาหารปิดกันหมดแล้วคะ ฝากท้องไว้ที่ coop คล้ายๆกับร้านสะดวกซื้อบ้านเราคะแต่มีขนาดใหญ่กว่า จะขายทั้งอาหารแช่แข็ง และอาหารพร้อมกิน ไปหาซื้อของกินเล็กๆน้อยเป็นมื้อเย็นของเรากันคะ เห็นสตอเบอร์รี่ลดราคาอยู่ ลูกใหญ่ๆไม่พลาดแน่นอน อากาศเย็นๆกินสตอเบอร์รี่หวานๆเปรี้ยวๆ มีความสุขสุดๆคะ
ได้ออกมาถุงนึงคะ มีลูกน้องคอยถือให้ เดินไปแถวทะเลสาบกันดีกว่าคะมีที่นั่งริมน้ำ…ไปนั่งกินไปดูวิวไปกันดีกว่า เอาออกมากินเล่นแค่นี้ก่อน เป็นแซนวิชซาลามี (salami) มันคือเนื้อหมู หรือเนื้อวัว โดยใช้ส่วนของเนื้อแดงบดหยาบ (grinding) ผสม ไวน์แดง กระเทียม และเครื่องเทศหลายชนิด อร่อยมั๊ยไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเย็นคะ เดินถือออกมาไม่นานก็เย็นเชียว จริงๆมีไส้กรอกรมควันอีกแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมากัดไปเกือบหมดแล้วเพิ่งนึกได้ว่าควรจะรีวิวด้วยนะ 555
วิวริมทะเลสาบคะ ภาพอาจไม่ค่อยสวยนะคะ แต่สถานที่จริงรับประกันความสวยและความโรแมนติกสุดๆ
ฝั่งตรงข้ามเปิดไฟ ด้านหลังเป็นภูเขาสูง อากาศเย็น ชิลสุดๆเลยคะ
เดินกลับไปเห็นป้ายไฟโฆษณา rolex อยากจะซื้อกลับสักเรือน เดี๋ยวจะแวะดูนะคะ ใครมาสวิสเค้าบอกว่าต้องซื้อนาฬิกาเพราะเป็นประเทศที่ผลิตดีที่สุดในโลก
น้ำพุยามค่ำคืนคะ แสงสวยๆ
กลับไปนอนก่อนดีกว่าคะ เลยเวลานอนมานานแล้ว เดินไปตาปรือๆ แต่ชอบคะไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วง่วง พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปเที่ยวอีกจะตื่นไหวมั๊ยน๊า ติดตามชมกันตอนหน้าคะ บ๊ายบาย
May 23, 2014 in Switzerland, ต่างประเทศ
สวัสดีคะ ตอนนี้จะพูดถึงการเดินเล่นแถวเมืองทะเลสาบนะคะ จะเริ่มต้นที่จุดเดิมนะคะหน้าสถานีรถไฟลูเซิร์น
ดูจากแผนที่จะเห็นว่าไม่ไกลเลยเรากะว่าจะเดินเล่นเรื่อยๆไปที่สะพานไม้กันนะคะ ตามเส้นทางที่หญิงว่าไว้ในภาพคะ
เดินมาเลยสะพานไม้ไปนิจะได้วิวนี้คะ สวยเหมือนภาพวาดเลยคะจริงมั๊ย
มุมใกล้บ้างคะ ประวัติของสะพานไม้ชาเปล (Chapel bridge) หรือ Kapellbrücke แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี 1333 สร้างขึ้นข้ามแม่น้ำรอยส์
ภายในตัวสะพานนจะมีภาพวาดบนสามเหลี่ยมหน้าจั่วใต้หลังคาด้วยคะ บอกเล่าถึงเรืองราวในยุคนั้น มีความสำคัญที่บอกเรื่องราวในประวัติศาสตร์เลยทีเดียวคะ ทำให้เป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยวหลักของสวิตเซอร์แลนด์
หงส์ตัวใหญ่ว่ายน้ำไปมา น้ำใสไหลเย็น หนาวมั๊ยเนี๊ยถามจริง
เดินเลยสะพานไม้มาจะมีสะพานอีกเส้นนึงข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ชักภาพคู่กับสะพานมาหน่อย กับวิวฝั่งตรงข้าม อาคารอะไรไม่รู้สวยดีคะ
วิวระหว่างทางเดินไปโบสถ์คะ
หากข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามนะคะ จะเป็นทางเท้าที่สามารถเดินริมทะเลสาบไปเรื่อยๆจนถึงโบสถ์คู่ได้นะคะ หากใครต้องการรับลม เราเองสะดวกที่จะเดินฝั่งที่มีอาคารจะดีกว่าเพราะจะไม่หนาวมาก แถมยังได้เดินดูของที่ขายตามร้านต่างๆอีกด้วยคะ หากใครต้องการช๊อปปิ้งก็บริเวณนี้คะมีซอยและร้านค้าเยอะไปหมด
เราเดินมาเรื่อยๆตามทางก็ถึงโบสถ์คะ เดินเข้าไปชมด้านในกันหน่อย
ฮอฟเคียร์เคอ (Hofkirche) โบสถ์หอคอยคู่ปลายแหลม
สำหรับหอคอยคู่ปลายแหลมที่เห็นโดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกลจากริมทะเลสาบนั้น เป็นหอระฆังของโบสถ์ฮอฟเคียร์เคอ ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งแรกของลูเซิร์นสร้างตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 8 เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของเมืองแห่งนี้ และในปี 1633 เกิดไฟไหม้ทำลายโบสถ์ไปเกือบหมด เหลือเพียงหอคอยคู่ที่รอดมาได้ จึงมีการก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ออกสไตส์เรอเนสซองซ์ที่เน้นความโอ่อ่าสวยงามอลังการ ภายในมีแท่นบูชาพระแม่มาเรีย รูปปั้นนักบุญ Leodegar และ Mauritus ซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์เมืองลูกเซิร์น
เดินเข้ามาค่อนข้างเงียบมากเลยคะวันนี้ หรือปกติเงียบแบบนี้อยู่แล้วก็ไม่รู้นะคะ
ประตูหน้าโบสถ์แบบใกล้ๆคะ
May 21, 2014 in ฮ่องกง
May 20, 2014 in ฮ่องกง
โปรแกรมเที่ยวฮ่องกงวันนี้คะ
10:00 Central-Mid-Levels Escalators ทางเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก
11:00 Bank of China (BOC) Tower
13:30 Repulse Bay (หาดรีพัลส์เบย์)
14:00 Tin Hau Repulse Bay (วัดเจ้าแม่กวนอิม) ขอพรเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้าโชคลาภ และ เทวรูป เทพเจ้า
16:00 Peak tram
16:30 Peak Tower เดอะพีคจุดสูงสุดของเกาะฮ่องกง ชมวิวอ่าวย่ามค่ำคืนจากเกาะฮ่องกง
19:00 กลับนั่งรถ 2 ชั้นลงมา
20:00 Symphony of Lights (SOL) ดูแสงสีเสียงที่ริมอ่าวฮ่องกง
สถานที่เที่ยว : Central-Mid-Levels Escalators ทางเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก
สถานี Central Station Exit D1 เดินต่อประมาณ 500 เมตร
เวลาเปิด-ปิด 6.00-10.00 น. บันไดเลื่อนจะเลื่อนลง และ 10.30 – 24.00 น จะเป็นการเลื่อนขึ้น
รายละเอียด ถนนและทางเดินบริเวณนี้เป็นที่ลาดเอียง บางที่ชั้นมาก จึงมีทางเลื่อนเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดิน ใช้ได้ฟรีนะคะไม่เสียตัง ทางเลื่อนกลางแจ้งที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลก ถูกบันทึกไว้โดย Guinness World Records มีความยาวทั้งสิ้น 800 เมตร หรือถ้าวัดระยะทางในแนวดิ่งจะมีระยะ 135 เมตร ขึ้นบันไดเลื่อนไปจนสุด แล้วเดินลงมาใช้เวลาไปประมาณ 30 นาที ขาลงต้องเดินลงบันไดเอง เหนื่อยพอตัวใครข้อเข่าเสื่อมเดินลงระวังหน่อยนะคะ เดินต่อไปประมาณ 500 เมตร
ถึงแล้ว
เดินขึ้นกัน เอ้ยเรียกว่าไปเลื่อนขึ้นกัน
ระหว่างทางก็มอง2ข้างทางไปเรื่อย
บางช่วงทางก็ดูลาดชั้นมากเลย เวลารถติดนี่ถ้าหลับในรถบัสจะหน้าคว่ำมั๊ยน้า
ขึ้นไปสักพักขอลงดีกว่า เพราะขาลงต้องเดินลงเองอาจจะช้า
จุดหมายต่อไปเราจะไปหาดรีพัลส์เบย์ (Repulse Bay) ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ขอพรเทพเจ้าโชคลาภกันซะหน่อย เดินไป Exchange Square ตามแผนที่ แล้วเราจะนั่งบัสไปที่ชายหาดกันคะ
สถานที่เที่ยว : Repulse Bay (หาดรีพัลส์เบย์)
การเดินทาง : MTR Hong Kong Station, Exit D ออกมาเดินขึ้นสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามเป็นตึก Exchange Square ขึ่นสาย 6, 6A, 6X,66 หรือ 260 ก็ได้ ลงป้ายRepulse Bay
รายละเอียด หาดทรายยาวรูปพระจันทร์เสี้ยวเป็นหนึ่งในหาดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง มองหาตึก Exchange Square อยู่คะ แก้เขินแลบลิ้นให้ตากล้อง1ที
ขึ้นรถมาแล้วขอนั่งชั้น 2 ชมวิวหน้าสุดด้วย
ไต่เขาขึ้นมาเรื่อยๆ รถบัสที่นี่ขับขึ้นเขาค่อนข้างซิ่งเลยทีเดียว แต่ขับปลอดภัยนะคะคงชำนาญมากน่าจะขับมาหลายปี สังเกตุว่าเราจะเริ่มเห็นตึกที่มีรูตรงกลางตึก หรือที่เรียกกันในหมู่คนไทยว่าตึกรู นั่นก็ใกล้ถึงป้ายหาดรีพัลส์เบย์ที่เราจะลงแล้วคะ
บรรยากาศริมชายหาดรีพัลส์เบย์วันนี้อุณหภูมิ 29 องศา ไม่หนาวไม่ร้อน แดดไม่มี เดินเล่นสบายๆ ชาวฮ่องกงมาเกาะกลุ่มกันเต็มเลยคะ
เดินไปอีกนิดจะเจอวัดเจ้าแม่กวนอิม
สถานที่เที่ยว : Tin hau temple repulse bay วัดเจ้าแม่กวนอิม
การเดินทาง : MTR Central แล้วต่อรถบัสสาย 6 6A 6X 260 จาก Bus Terminal ที่ Exchange Square ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ถึง หาด Repulse Bay เดินเลียบหาดไปประมาณ 300 เมตร
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 8.00am ถึง 5.45pm
รายละเอียด
1. กลั้นลมหายใจและเดินเข้าวัดด้วยเท้าซ้าย ออกด้วยเท้าขวา เป็นเคล็ดลับที่ชาวฮ่องกงและคนจีนว่าทำให้ชีวิตเจริญก้าวหน้านั่นเอง
2. ลูบลูกแก้วในปากสิงโตด้านหน้าวัด เพื่อให้มีแต่ความโชคดี ทำอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง มีแต่โชคลาภเข้ามาหาตัวเองและครอบครัว
3. ไหว้ขอพรต่อเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่
4. ไหว้ขอพรเจ้าแม่ทับทิมเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ในอดีตคนฮ่องกงประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก จึงนับถือเจ้าแม่ทับทิมกันมากและยังให้พลังในการทำกิจการค้าขายอีกด้วย
5. ไหว้ขอพรโชคลาภจากเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย นำธนบัตรอธิษฐานถึงโชคลาภ จากนั้นนำไปลูบบริเวณเคราขององค์เทพตั้งแต่ด้านบนลงมาด้านล่างแล้วเอาเข้ากระเป๋า คล้ายกับเป็นการเอาเงินทองเข้ากระเป๋า
6. ขอลูกจากพระสังกัจจายน์ ใช้มือลูบที่ท้องของท่าน อธิษฐานถึงลูก หากอยากได้ลูกชายให้ลูบท้องทางด้านขวา แต่ถ้าหากอยากได้ลูกสาวให้ลูบท้องทางด้านซ้าย
7. สะพานอายุยืน เดินข้ามไปจะมีอายุยืนขึ้นอีก 3 ปี ให้นักท่องเที่ยวก้าวเท้าซ้ายเดินขึ้นสะพานข้ามไปยังอีกฝั่ง เมื่อข้ามไปแล้วห้ามเดินกลับเด็ดขาด ให้เดินกลับตามทางเดินอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น
8. ไหว้ขอพรเทพเจ้าแห่งความรัก
-คนที่มีคู่แล้วให้นั่งระหว่างกลางของสิงโตทั้งสองตัวที่อยู่หน้าท่าน ใครที่มาด้วยกันให้นั่งด้วยกันแล้วอธิษฐาน เพื่อให้ชีวิตรักและชีวิตคู่ราบรื่น อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ แต่ถ้ามาคนเดียวให้นั่งแล้วนึกถึงอีกคน พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งดี ๆ
– คนที่ยังไม่มีคู่แต่แอบชอบอยู่ ให้เอามือลูบที่บริเวณหินสีดำ พร้อมกับอธิษฐานให้สมหวังกับความรัก
– คนที่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ ให้เขียนชื่อตัวเองลงไปในสมุด (โดยใช้นิ้วเขียน) ที่เทพเจ้าแห่งความรักถืออยู่ แล้วท่านก็จะหาเนื้อคู่มาให้
9. โยนเหรียญเสี่ยงทายคำอธิษฐาน รูปปั้นปลาตัวใหญ่สีเหลืองสดใสตั้งอยู่ มีความเชื่อกันว่าหากเราโยนเหรียญเข้าปากของปลาได้ คำอธิษฐานที่ขอพรไว้กับเจ้าแม่กวนอิมก็จะเป็นจริง ประสบผลสำเร็จดั่งใจปรารถนา
10 ขอพรศาลาแห่งศิริมงคล ซึ่งในจุดนี้ให้ผู้ที่จะเข้าขอพรตั้งจิตอธิฐานตรงจุดกึ่งกลางของศาลา จากนั้นเมื่ออธิฐานเสร็จแล้วก็ให้นำมือทั้งสองไปลูบที่ป้ายหินแกะสลักสีแดงวาดมือเป็นรูปเลข 8 แล้วกวักมือเข้าหาตัว ซึ่งคนจีนเชื่อว่าการวาดเลขแปดเป็นเลขมงคลเหมือนตัว Infinity คือ โชคดีไม่มีที่สิ้นสุด
กลับกันเถอะ จุดหทายต่อไป ไปขึ้นรถรางไปเดอะพีคกัน รอบัสที่ป้าเดิมที่เราลงคะ แต่รอฝั่งตรงกันข้ามเพ่อกลับไปแถวเซ็นทรัล
สถานที่เที่ยว : Peak tram
การเดินทาง : MTR Central ขึ่นบัสสาย 15C ลงป้ายสุดท้าย หน้าสถานีรถราง
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 7.00 – 24.00 น.
รายละเอียด พีคแทรมเปิดให้บริการในปี 1888 แต่ก่อนใช้สำหรับผู้ว่าการรัฐอังกฤษและผู้อยู่อาศัยในเดอะพีคเท่านั้น แต่ปัจจุบันไม่ว่าใครก็สามารถใช้บริการรถรางที่มีความลาดชันที่่สุดในโลก การเดินทางขึ้นสู่เดอะพีคโดยรถรางใช้เวลาเพียง 7 นาที รอบห่างกันทุกๆ 10-15 นาที และราคาเที่ยวเดียว 32HK$ ราคาไป-กลับ 45HK$
การเดินทางจากหาดรีพัลส์เบย์ เรานั่งสาย6X กลับมาลงที่สถานีบัสเลยคะง่ายดี แล้วเดินไปป้ายแถวท่าเรือเซนทรัลแล้วขึ้นบัสสาย 15C ไปลงสุดสายเลยคะ ไม่หลงแน่นอน เรามีบัตรออคโตพุสไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ใช้บัตรแตะเพื่อตัดเงินได้เลยคะ
นั่งรถรางไต่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ และเสียงนักท่องเที่ยวที่ตื่นเต้นในขบวน ไม่นานประมาณไม่เกิน 15 นาทีก็ถึง
เดอะพีคจุดสูงสุดของเกาะฮ่องกง ชมวิวอ่าวย่ามค่ำคืนจากเกาะฮ่องกง เสร็จแล้วกลับนั่งรถ 2 ชั้นลงมา สาย 1 หรือสาย 15 ก็ได้คันไหนมาก่อนขึ้นคันนั้นเลยจร้า ขึ้นที่ป้าย The Peak Galleria มีอยู่ป้ายเดียวคะ ซิ่งลงเขามาอีกแล้ว ลงแบบมืดๆมองไม่ค่อยเห็นทางหรือวิวเท่าไหร่ นั่งลุ้นอย่างเดียว
ข้ามเรือกลับไปฝั่งเกาลูนนั่งรอดู SOL ริมอ่าว
กลับที่พักนอนพักผ่อนก่อนลุยเที่ยวมาทั้งวัน ปิดไฟนอนคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่ฮ่องกงดีสนีย์แลนด์นนนนนนนนนน
May 19, 2014 in Switzerland, ต่างประเทศ
ในตอนนี้เป็นการล่องเรือ ชมวิวของเมืองลูเซิร์นนะคะ เส้นทางของเรือสายนี้จะมีจอดป้ายเรื่อยๆนะคะ ตามเส้นประที่หญิงวาดในแผนที่นี้คะ
เดินไปที่ทะเลสาบ ถ่ายรูปเล่นซะหน่อยก่อนเรือจะออกคะ
เดินไปขึ้นเรือกันดีกว่าเดี๋ยวเรือจะออก ขึ้นที่ท่าเรือ Alpnachstad
เราขึ้นไปดูด้านบนชั้น 2 ของเรือกันคะ
เรือออกเดินทางแล้วคคะ ระหว่างล่องเรือก็จะจอดแวะรับผู้โดยสารตามป้ายที่สายนี้จอดเท่านั้นคะ ยืนโบกตามท่าเรือเค้าไม่จอดรับนะจ๊ะ
วิวบ้านเรือนริมท่าน้ำ น่าอยู่จริงๆ แถมมีเรือยอร์ชจอดที่ท่าเรือเยอะเชียวท่าทางจะมีทุกบ้าน
ไปเดินสำรวจเรือดีกว่าคะ ภายในเรือจะมีห้องน้ำไว้คอยบริการผู้โดยสารด้วยนะคะ ห้องน้ำมี่สวิสฯสะอาดทุกมีเลยคะหายห่วง ผู้ใหญ่ที่มาเที่ยวแล้วกลัวต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆไม่ต้องกังวลนะคะ บนเรือมีห้องน้ำให้บริการค่ะ เข้าได้เลยคะ
ล่องเรือไปเรื่อยๆจะเริ่มมีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วขึ้นเรือคะ ใครไม่มีตั๋วก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว…ล้อเล่นคะก็สามารถซื้อตั๋วจ่ายเงินได้ที่เจ้าหน้าที่นะคะ
กลับเข้ามาดูด้านในเรือกันบ้างคะ บนเรือมีอาหารเครื่องดื่มและขนมไว้บริการด้วยนะคะ สามารถซื้อทานบนเรือได้ราคาไม่ต่างกันคะ (แพงพอๆกันทั้งประเทศ อิอิ)
ฟ้าเริ่มครึมๆ เมฆมาเยอะเขียวฝนจะตกมั๊ยเนี๊ย
แวะจอดป้ายอีกแล้วนะคะ ป้ายอะไรก็ไม่รู้จักเหมือนกันแต่สวยดีเลยถ่ายมาให้ชมกันคะ
คุณลุงหน้าเริ่มมีสีหวาดกลัวกับเมฆที่ตามมาแล้วคะ สงสัยฝนจะตกแน่
ล่องเรือหนีเมฆมาเรื่อยๆท้องฟ้าเริ่มโปร่งสดใสอีกครั้ง ใกล้ถึงเมืองลูเซิร์นแล้วคะ ท้องฟ้าเป็นใจให้หญิงได้ถ่ายรูปอิอิ
ให้ดูวิวเมืองกับทะเลสาบโดยที่ไม่มีรูปหญิงบ้าง เดี๋ยวจะเบือหน้าหญิงกันเพราะเห็นทุกรูปเลย
มาถึงกลางเมืองลูเซิร์นแล้วคะ
สัญลักษณ์ของเมืองนี้อีกอย่างก็คือโบสถ์ยอดแหลมๆคู่ที่เห็นอยู่กลางภาพคะ คิดไว้ว่าพรุ่งนี้ค่อยไปเดินเที่ยว
เรือจอดเทียบท่าก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกรูปนะคะ^^
แถวๆท่าเรือคะ อากาศดี แดดดี เหมาะแก่การเดินเล่นอย่างยิ่งแต่ร่างกายหญิงเจทแร๊กนิดหน่อยคะ เพราะเวลานี้ที่เมืองไทยก็ประมาณเที่ยงคืนแล้วหญิงจะง่วงๆเบลอๆแล้ว 555
ทะเลสาบมีน้องหงส์เล่นน้ำอยู่เต็มไปหมด น้ำก็ใสเว่อร์เห็นพื้น ไม่หนาวหรืองัยคะน้องหงส์
จากท่าเรือเดินข้ามถนนไปรอขึ้นรถบัสกลับที่พักกันดีกว่า
ลากันไปก่อนนะคะ พบกันใหม่ตอนหน้า จุ๊ฟๆ
May 18, 2014 in Switzerland, ต่างประเทศ
เราวางแผนหาข้อมูลคราวๆไว้ประมาณนี้คะ
จากตอนที่แล้วเรามารอขึ้นรถไฟที่สถานีเรียบร้อยแล้วก็รอเวลาคะ มาถึงตรงเวลาเป๊ะ!!! นั่งชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ แม่น้ำใสๆกับเทือกเขาสูง ภาพที่ตาเห็นสวยกว่านี้มากมายคะ ภาพจากกล้องไอโฟนไม่สามารถเก็บความสวยงามได้มากนัก ต้องมาชมด้วยตัวเองจริงๆ
วิวทุ่งหญ้าและภูเขาผ่านกระจกบนรถไฟคะ
ภายในรถไฟที่นั่งสะอาดคะ เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบคะ เราขึ้นมานั่งบนชั้น 2 เพื่อจะได้ชมวิวได้ชัดๆ ส่วนกระเป๋าสัมภาระจะถือขึ้นมาวางที่ชั้นวางกระเป๋าที่ชั้น2ก็ได้ หรือวางไว้ที่ชั้นล่างก็ได้คะ ไม่หาย
ไม่นานก็มาถึงคะ
เดินออกจากสถานีรถไฟไปต่อรถบัสเพื่อเข้าที่พักกันคะ
จากแผนทีเราหาข้อมูลมากคะ เราจะนั่งสาย 4 ไปที่พักเพราะเรามีกระเป๋าเดินทางขี้เกียจเดิน แต่จริงๆแล้วสามารถเดินได้คะไม่ไกลถ้าใครต้องการเดินเล่นเก็บบรรยากาศ เดินข้ามสะพานเพลินๆก็ถึงแล้ว
เนื่องจากเรามาถึง 10 โมงเองคะเลยยังไม่มีห้องว่างให้เรา check in จึงฝากกระเป๋ากับที่พักเรียบร้อยแล้วก็ออกเที่ยวกันเลยดีกว่า เราวางแผนการเดินทางโดยเชคตารางรถบัสกันอีกทีเพราะเราจะไปเร็วกว่ากำหนดการคะ ไปขึ้นบัสที่หน้าสถานีรถไฟกันคะ คราวนี้เราเดินไปบ้างเพราะขามาโรงแรมเรานั่งบัสมาแล้ว เดินชมวิวบ้างคะ
เดินไปเรื่อยๆ
มาแถวป้ายรถบัส ขอแวะซื้อขนมก่อนเผื่อเอาไว้กินที่กระเช้าตอนขึ้นเขาพิลาทุสกัน
ขึ้นรถบัสสาย 1ไป Kriens โดยลงที่ป้าย Linde/Pilatus (8ป้าย) ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที รู้สึกไม่กี่ป้ายนั่งชมวิวแป๊ปเดียวก็ถึง จากนั้นต้องเดินเข้าซอยอีกประมาณ 5 นาทีเพื่อไปขึ้นกระเช้า แต่เราเดินไปพักไป ชิลไป ถ่ายรูปไป รวมๆเกือบ 20 นาทีคะ อิอิ
เส้นทางเดินไปขึ้นกระเช้าคะหาข้อมูลจากกูเกิ้ลแมพไว้ก่อนกันหลงทาง
บ้านเรือนระหว่างทางคะ
ติดต่อซื้อตั๋วขึ้นเขาพร้อมยื่นบัตรสวิสพาสเพื่อใช้เป็นส่วนลด50% พนักงานจะคิดเงินให้ตามรายละเอียดที่เราแจ้งคะ แล้วก็ได้บัตรมาใช้ผ่านเข้าประตู
กระเช้าแรกที่เราขึ้นนั้นเป็นกระเช้าเล็กๆคะ นั่งได้ประมาณ 4 คนเอเชีย ถ้าสำหรับฝรั่งที่นี่คงจะแค่ 2 คนก็เต็มออกมานอกกระเช้าแล้วคะ 555
ระหว่างทางจะมีฝรั่งเดินไต่เขาชิล ขี่จักรยานขึ้นเขาบ้าง ประเทศนี้เค้าชิลจริงๆ มันถึงน่าอยู่ที่สุดในโลก
วิวที่มองลงมาเป็นแบบนี้คะ จริงๆจะวิวสวยมา อากาศดี และการเคลื่อนตัวของกระเช้าค่อนข้างเร็วแต่นุ่มนวลไม่รุ้สึกน่ากลัวเหมือนกระเช้าบ้านเรา-_-
จากนั้นก็ต่อสถานีเปลี่ยนขึ้นกระเช้าใหญ่คะ จะเริ่มชันขึ้นมากและผ่านชั้นหมอกขึ้นมาเรื่อยจนใกล้ยอดเขาจะเริ่มมีหิมะปกคลุม
ถึงด้านบนแล้วคะมีอาคารขายของที่ระลึกและร้านอาหารไว้คอยบริการด้านบน
เดินออกมาถ่ายรูปด้านนอกอาคาร หมอกเยอะมาก ใส่แค่เสื้อแขนยาวกับเตรียมคาดิแกนสีดำมาแค่นนี้คะ ไม่ค่อยพอกันหนาวเท่าไหร่
วันนี้ดูพยากรณ์อากาศมาแล้วคะว่าจะมีหมอกลงและฝนตกเล็กน้อย ก็กลายเป็นหิมะตกเบาๆคะ หมอกมาแล้วแล้วบังวิวหมดเลย
ไปดูรอบเรือกลับเมืองลูเซิร์นกันก่อนคะ กลับลงไปโดยนั่งรถรางลงเขาเป็นสายรถไฟที่ชันมากๆเค้าว่าอย่างนั้นคะ แล้วก็ขาขึ้นเรานั่งกระเช้าขึ้นมาแล้วขากลับลองเปลี่ยนมานั่งรถรางเปลี่ยนบรรยากาศกันคะ เราเลือกเวลา 15:00 ลงเพื่อไปขึ้นเรือกลับเมืองลูเซิร์นเวลา 16:28 คะ แต่ใครรีบไปเที่ยวต่อก็กลับรถไฟก็ได้นะคะ มีให้เลือก 2 แบบ
มีเวลาเดินเล่นต่อแต่หมอกยังหนาอยุ่เลยขึ้นชั้น2ไปทานอาหารไปพลางเผื่อว่าฟ้าจะเปิดบ้างนะ เลือกไส้กรอกกับ Rösti และผักลวก จานนี้ราคาตามภาพเลยคะคูณค่าเงินตอนที่ไปx38 จรา
กินไปเรื่อยๆพลางดูวิวด้านนอกยังขาวโพลน มนุษย์เอเชียอย่างเราก็ไม่ยอมออกนอกอาคารซิจ๊ะ
ได้เวลาไปรอรถรางลงเขากันแล้วคะ ภายในรถรางเป็นสองแถวหันหน้าเข้าหากันคะ นั่งได้ประมาณ 8 คน เราได้นั่งหันหน้าลงเขาคะ พอจะเก็บภาพวิวมาได้บ้าง
วิวระหว่างลงเขาด้วยรถรางจะใกล้ชิดกับธรรมชาติมากกว่านะเวลาขึ้นกระเช้ามาคะ แต่เรื่องความเร็วนี่ช้ามากคะ นั่งชมววิวนานเลยคะ แอบหลับไปด้วยนะ
ใกล้ถึงแล้วคะ จะเริ่มเห็นทะเลสาบกับท่าเรือแล้วคะ
พบกันตอนใหม่นะคะ ล่องเรือเมืองลูเซิร์น
May 18, 2014 in Switzerland, ต่างประเทศ
เริ่มจากเดินทางไปสุวรรณภูมิก่อนเลยคะ เราไปรอที่สนามบินตั้งแต่ 4 ทุ่มเลยคะ เครื่องบินตอนเที่ยงคืน เตรียมตัวโหลดกระเป๋ากันเลยคะ ของเอาไปไม่เยอะเท่าไหร่เพราะต้องเดินทางเดินขึ้นรถไฟ ขึ้นรถบัส เอากระเป๋าไซต์เล็กๆไปดีกว่า ได้บอร์ดดิ้งพาสสมาแล้วคะ ผ่าน ตม. กันเลย
ครั้งนี้เราบินตรงจร้า 11 ชั่วโมงนั่งเล่น นอน ตีลังกา ดูหนัง ตกปลา ดำน้ำดูปะการังกันเลยทีเดียว แวะเข้าไปใช้ห้องเลาจ์ก่อนเดินทางเด๋วไม่คุ้ม แต่วันนี้มีผู้โดยสารบินเยอะเลยเกรงใจคะไม่ได้ถ่ายรูปมา ถ่ายในห้องอย่างเดียวแระกัน
ขึ้นเครื่องแล้วแอร์จะเดินมาถามว่าจะรับ main course เป็นเมนูไหนดีคะ ใจจิงอยากกินหมดทุกจานเลย 555 หญิงกินเยอะคนที่รุ้จักหญิงดีจะทราบกันดีทีเดียว ดูเมนูแล้วสั่งเลยคะเนื้อแกะแบบซูริคซิคะ แล้วก็มาเสริฟเครื่องดื่ม มีให้เลือกมากมาย ไวน์ขาว ไวน์แดง เบียร์ บลาๆๆ เสียดายหมอสั่งห้ามกินแอลกอฮอล์เลยได้แต่น้ำผลไม้กับน้ำแร่เท่านั้นเอง เศร้าจังชีวิต
จานแรกมาแล้วคะ เนื้อทูน่า กับ pesto cream กับตับห่านคะนุ่มลิ้นอร่อยเชียว และขนมปังให้เลือกหญิงเลือก garlic bread คะ เสริฟเวลาประมาณตี1 เอิ่มมมมมมก็ไม่ค่อยจะกินดึกอะนะแต่ก็จัดหมดจานเลยจร้า
Main course มาต่อเลยจร้า เนื้อแกะ ไม่สุกมากเนื้อสัมผัสกำลังดีนุ่ม ชุ่มๆซอสอุ่นๆคะ ทานคู่กับ Roesti (มันฝรั่งปรุงแบบสวิส) และผักเครื่องเคียง หมดจานอีกเช่นเคยคะ
ตบท้ายด้วยผลไม้และชีสแบบสวิสที่เค้าทานเล่นกันคะ ชีสนี่มา 2 แบบนะคะ แต่รสชาติไม่ถูกปากหญิงเลยจริงๆ ขอบายไม่ไหวกับกลิ่นและรสชาติจริงๆ ต้องลองกินเองคะแต่คนรักชีสหรือชื่นชอบชีสอาจบอกว่าอร่อยจะตายก็ความเห็นส่วนตัวนะคะแพงแค่ไหนก็ไม่เอาคะ555 หันไปมองฝรั่งที่นั่งถัดไปอีกแถว ถือแท่งชีสกัดเล่นเหมือนกำลังกินช๊อคโกแลต!!!
ยังไม่จบครอสนะคะแอร์ให้รับขนมหวานอีก แต่เพลานี้ไม่ขอทานแล้วดีกว่าเดี๋ยวนอนไม่หลับท้องอืดเกินไปอิ่มแล้วก็นอนคะ รอเวลาใกล้จะถึงจะมีเสริฟอาหารเช้าก่อนเครื่องแลนดิ้ง 1 ชั่วโมง
อาหารเช้าเริ่มแระจร้าจานแรกผลไม้สดๆกับขนมปังต่างๆหญิงเลือกครัวซองคะ เนื้อขนมปังนุ่มชุ่มเนยเหมือนอบใหม่เลยอยากเห็นที่เก็บของเค้าทำทำงัยถึงสดใหม่ตลอดเวลา
Main course brakefast หญิงเลือก Scrambled egg คะขอซอสเพิ่มตามแบบฉบับคนไทยซอสมะเขีอและซอสพริก
กินเสร็จก็นั่งรอดูหนังกับดื่มโค้กไปพลางๆ ขาดไม่ได้จริงๆน้ำอัดลมเนี๊ยอิอิ ไม่นานก็ถึงสนามบิน เวลาที่ซูริคคือ 7:00 ค่ะ (ประมาณเที่ยงบ้านเราคะ)
ถึงสนามบินซื้อตั๋วรถไฟเป็นที่เรียบร้อยออกจากสนามบินไปเมืองลูเซิร์นกันเถอะ โดยขึ้นรถไฟสาย IR จากzuric -> luzern ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงคะ
ติดตามตอนต่อไปเดินทางเข้าเมืองลูเซิร์นคะ —> คลิกที่นี้คะ Read the rest of this entry →