เขาค้อหน้าฝน 2016

July 27, 2016 in ภาคกลาง

ตื่นเช้ามาเดินสำรวจในไร่ว่ามีอะไรบ้างนิดหน่อยแล้วก็ออกไปหาอาหารเช้ากิน วันนี้เรามีแผนจะเดินทางมุ่งหน้าไปเขาค้อหาที่พักนอนสบายๆดูวิวหน้าที่พักสวยๆ นั่งรถชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆนะคะ วันนี้เน้นขับรถสำรวจที่พักซะเยอะ จากจุดที่เราอยู่เดินทางไปประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า แต่คาดว่าน่าจะพักกินข้าวกลางวันด้วยน่าจะไปถึง 4ชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว ก่อนออกจากจังหวัดชัยภูมิเรามองหาของฝาก น่าจะเป็นหม่ำค่ะ มีหม่ำเนื้อ หม่ำหมู และใส้กรอกอีสาน แวะซื้อตามข้างทางคะไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย

12:00 มาได้ครึ่งทางก็ถึงเวลาข้าวกลางวันเลยหาร้านง่ายๆแวะกินสักนิดสักหน่อย พ่อเปิ้ล2อย่างเลยคะ ข้าวมันไก่ กับ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ่ายรูปมาไม่ทันเลย แล้วก็กระเพราหมูสับคนละจาน มื้อนี้ 190 บาทคะ

13:00 จะเริ่มเข้าเขาค้อแล้วก็หาซื้อของสดไปทำอะไรกินนิดหน่อยเย็นนี้ว่าจะทำสุกี้กินที่บ้านพักท่ามกลางขุนเขาไปด้วย แถวหนองไผ่มีโลตัสกับบิ๊กให้แวะซื้อก่อนได้นะคะ พวกหมู ไส้กรอก เบคอน และเครื่องดื่มต่างๆ แล้วเดินทางกันต่อเลย วิวข้างทางก็เป็นแบบนี้เลยตามภาพคะ แม่บอกว่าอยู่สูงใกล้จะถึงเมฆแล้วแม่เสียว

เส้นทางถนนเขาค้อ

เส้นทางถนนเขาค้อ

ตอนที่เราไปถนนช่วงก่อนถึงอ่างเก็บน้ำกำลังเริ่มขยายถนน น่าจะเตรียมต้อนรับการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวแน่ๆ จากถนนเลนเดียวสวนกัน จะกลายเป็น2เลนส์แล้วกว้างขึ้นขับสบายเลยคะ ถนนก็ลาดยางวิ่งชมวิวเพลิน

16:00 แวะดูที่พักที่แรก ฟ้าใสหมอกสวย ราคาวันธรรมดาที่สอบถามกับพนักงานต้อนรับคะ ห้อง 2 คน 1500฿ บ้านสำหรับ 4 คน 2800฿  http://fasaimoksuai.com/

ขับลงไปใกล้อ่างเก็บน้ำอีกนิดจะเจอหลายรีสอร์ทมากเลยคะแวะดูอีกที่ ภูอาบหมอก ห้อง 3 คน 2000฿อยู่ด้านบนไม่ต้องเดินลงไปวิวดีเลยคะชอบหลังนี้ ส่วนบ้านสำหรับ 4 คน 2000฿เป็นไม้ต้องเดินลงบันไดไปอีก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.phuaabmhok.com/

17:00 และที่สุดท้าย พ่อและแม่ชอบมากที่สุด ชอบวิวโล่งๆภูเขาเขียวๆ ไม่ค่อยมีรีสอร์ทอยู่กับหนาแน่นแบบบีิเวณอ่างเก็บน้ำที่พักนี้ชื่อว่า คลาสสิกโฮมแอนด์บ้านฟาร์ม ขับขึ้นเนินมาเจอหลังนี้เลี้ยวเข้าไปถามเลยคะ อยู่ติดถนนหลักเลย ราคาวันธรรมดา ห้องนอนสำหรับ 4 ท่าน 1,500฿ และบ้านพักสำหรับ 6 ท่าน 3,000-5,000฿ พ่อแม่คุยกับเจ้าของถูกคอกันมากเลยได้ราคาพิเศษอีกแล้วคะ ติดต่อสอบถามตามเบอร์โทรในภาพได้เลยนะคะ https://www.facebook.com/banfarm94/ หรือ http://www.khaoko.com/ อ่านรีวิวที่พักต่อที่นี่

ที่พักที่หาข้อมูลมาจากที่อ่านมาหาไม่เจอสักที่เลย มองไม่เห็นป้ายหรือไม่ก็ยังไปไม่ถึงเลยคะเก็บลิสรายชื่อไว้ไปครั้งหน้าและกันนะ บายเมือง ณ.เขาค้อ รีสอร์ท วิวทะเลหมอกห้อง 2 คน 2200฿ ห้องแฟมิลี่ 4 คน 4500฿ https://www.facebook.com/byemuang/photos

ที่พักนี้เห็นป้ายแว๊บๆ แฟนขับผ่านเร็วเลยมองไม่ทัน อ่านในอินเตอร์เน็ตมาหน้าหนาวน่ามานอนกางเตนท์มาก tonkho@home (ต้นค้อ)  ห้อง 2 คน 1200฿ ห้องแฟมิลี่ 4 คน 1500฿ จากอโกด้า 

ที่สุดท้ายที่เก็บไว้ในลิสเพราะที่พักน่ารักคะ ลาษิก้า เขาค้อ รีสอร์ท บ้าน2คน (แดง) 2000฿ กางเต้นท์450฿ http://www.lazikakhaoko.com/2015/

จบเรื่องที่พัก 18:00 ก็ถึงเวลาอาหารเย็นคะ ก็สั่งจากที่พักมานิดหน่อย ข้าวกระเพรา แล้วครอบครัวก็ทำสุกี้ที่เตรียมมากินที่ระเบียงบ้านพัก ไม่มีภาพนะคะเพราะหั่นผัก หั่นหมูอยู่เลยไม่ได้ถ่ายมาเลยคะ แต่ฟินคะ กินสุกี้อุ่นๆกับบรรยากาศเย็นๆ พรุ่งนี้เช้าตื่นมาลุ้นหมอกหน้าบ้านกันคะว่าจะมีมามั๊ย

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่2
มื้อเช้าก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น 125บาท
มื้อกลางวันจันทรโภชนา 190 บาท
มื้อเย็นที่พัก 200 บาท
ที่พักคลาสสิคโฮม 1800 บาท
รวมทั้งหมด 2315 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำมันนะจ๊ะจะสรุปตอนท้าย

8:00 ตื่นเช้ามาชมวิวหน้าที่พัก เค้าว่ากันว่า พักเขาค้อ 1 คืนอายุยืน 1 ปี คุณพ่อคุณแม่อายุยืนขึ้นอีก10ปีเลยคะหน้าเด็กลงเลยอย่างเห็นได้ชัด ร่าเริงมาก อิอิ

ถ่ายคู่กับหน้าที่พักนิดนึง

ฝั่งตรงข้ามที่พักก็วิวดีนะ

9:00 ออกเดินทางไปดูหมอกบริเวณอ่างเก็บน้ำกันดีกว่าคะ ขับไปก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินอาหารเช้ากันเลย ถึงสี่แยกจะมีร้านอาหารเลยจอดแวะกินก่อน ร้านเจ้จง ก๋วยจั๊บ ต้มเลือดหมู อาหารตามสั่ง อาหารอีสาน ชื่อยาวจริงๆ 555 ครอบครัวเราสั่งเบาๆคะมื้อเช้ากินไม่เยอะ ต้มเลือกหมู 2ถ้วย ข้าวผัด 1 ข้าวเปล่า 1 ราคามื้อนี้ 130 บาท

อิ่มเรียบร้อยก็เดินทางไป อนุสาวรีย์ผู้เสียสละ เส้นทางขึ้นไปชันประมาณนึงคะแต่ถนนลาดยางดีขึ้นลงคนละทาง ไม่มีรถสวนทางมาชนแน่นอนคะ ปลอดภัย

ระหว่างทางไปนั้นจะมี พิพิธภัณฑ์อาวุธ สามารถเข้าชมได้ค่าเข้าคนละ 20 บาท ด้านในจะมีซาก และอาวุธที่ใช้ในการรบจัดแสดงอยู่ เข้าไปชมกันคะ ที่จริงมีมากกว่าที่ถ่ายมาเพื่อนๆลองเข้าไปดูกันนะคะได้ความรู้เยอะเลย

ออกมาจะมีจุดชมวิว

 

ทริปนี้เที่ยวทุ่งดอกกระเจียวชัยภูมิและเขาค้อหน้าฝน

July 27, 2016 in ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เข้าสู่เดือนกรกฎาคมหน้าฝนแล้ว หลายๆคนคงมองหาที่เที่ยวว่าที่ไหนดี ไปทะเลถ้าเจอฝนก็คงหมดสนุก หรือจะไปเล่นน้ำตกน้ำเยอะเย็นชุ่มฉ่ำก็น่าสนใจไม่น้อย ตัวเลือกอีกที่ก็คือเที่ยวภูเขา และช่วงนี้มีเทศกาลทุ่งดอกกระเจียวบาน แต่ก็อยากไปดูทะเลหมอก เลยตัดสินใจไปทั้ง2อย่างในทริปนี้เลย ครั้งนี้ชวนพ่อกับแม่ไปนั่งรถเล่นชมวิว สูดโอโซนด้วย ฉะนั้นทริปนี้จะต้องหาที่เที่ยวที่สะดวกสบายหน่อย เดินเยอะๆไม่ค่อยไหวเพราะอายุเยอะแล้ว ในทริปนี้อาจไม่ค่อยลุยๆ เท่าไหร่นะคะ จะเป็นแนวชิลๆกินบรรยากาศซะส่วนใหญ่ เริ่มออกเดินทางวันที่ 28 – 30 กรกฎาคม ทั้งหมด 3 วัน 2 คืน

แผนการท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน

วันแรก – เดินทางจากกทม.ไปอุทยานแห่งชาติป่าหินงามประมาณ 4 ชม. น่าจะไปถึงทุกดอกกระเจียวบ่าย เดินเล่นผาสุดแผ่นดิน และป่าหินงาม หาที่พักนอนสัก1คืน
วันที่สอง – ตื่นมาดูทะเลหมอกที่ทุ่งดอกกระเจียว สายๆขับรถเข้ามุ่งหน้าขึ้นไปเขาค้อ หาที่พักสวยๆนอนดูหมอก 1 คืน
วันที่สาม – ตื่นมาชมทะเลหมอกหน้าที่พัก และจุดชมวิวไปรษณีย์เขาค้อ ผ่านจุดชมวิวทะเลหมอกหน้าพิพิธภัณฑ์อาวุธ อนุสรณ์ผู้เสียสละ วัดผาซ่อนแก้ว ร้านกาแฟพีโน่ กลับกทม.

9:00 เริ่มต้นเดินทางออกจากกทม. แวะกินข้าวเส้นอยุธยาร้าน ข้าวแกงบ้านสวน ก่อนเดินทางต่อยาวๆ วิ่งเส้นชัยบาดาล ทองฟ้าแจ่มใสมีเมฆก้อนใหญ่เยอะเลย ไม่นานก็เขาเขตจังหวัดชัยภูมิ มีป้ายจังหวัดต้อนรับเราแล้ว

13:30 ขับมาตามป้ายไปอุทยานป่าหินงามมาเรื่อยๆ ก่อนเข้าอุทยานก็เจอป้ายต้อนรับ เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ประจำปี 2559 บริเวณทางเข้านั้นจะมีจัดสวนดอกกระเจียวไว้ให้นักท่องเที่ยวชม มีที่จอดรถหลังป้ายนะคะ เราก็เข้าไปจอดแล้วลงมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนที่จะเข้าอุทยาน

เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ประจำปี 2559

เทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ประจำปี 2559

 

14:00 ขับดูที่พักสำหรับคืนนี้ เราขับรถไล่ดูตั้งแต่ทางเข้า ไปจนถึงใกล้อุทยานนะคะ

เส้นทาง@LOVE รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่น่ารัก บรรยากาศดีมากเลยคะ วิวบนชั้น2ของบ้านพักดีมากกว้างโล่งสบายตา และต้อนรับน้องหมาด้วยนะคะ ขนาดว่าเราไปวันธรรมดาห้องพักเกือบเต็มว่างแค่ 1 ห้องเท่านั้น เรามากัน 4 คนเลยต้องขอคิดดูก่อนว่าจะตัดสินใจอย่างไรดีเพราะห้องไม่สามารถเสริมเตียงให้นอน4คนได้อะ ราคาห้อง 2 คน 1400฿ เต้นท์ 600฿  https://www.facebook.com/sentang.atloveresort

บ้านไร่อิงดอย มีบ้านพักและห้องพักหลายแบบหลายห้องให้เลือกตามความต้องการที่หลากหลาย เป็นรีสอร์ทที่เน้นไปทางสีสันสีชมพู สาวๆอาจจะชอบนะคะที่นี่ ราคาเริ่มต้นที่ห้องละ 1600฿http://www.baanraiingdoi.net/

ไร่ภูแสง ห้อง 2 คน 1000฿ ห้องใหญ่ 1500฿ บ้านพักหลังใหม่่ สะอาด ห้องกว้าง คุณป้าใจดี ติดต่อที่พัก http://www.baankrajeaw.com/raiphusang54.htm หรือจองผ่าน Agoda ก็ได้แล้วแต่สะดวกนะคะ อ่านรีวิวที่พักไร่ภูแสง

หลังจากที่ขับดูที่พัก ก็ตกลงเลือกที่พักได้เรียบร้อยในราคาที่ลดพิเศษให้ครอบครัวเราอิอิ^^

15:00 ก่อนเข้าอุทยานไม่กี่ร้อยเมตรจะมีร้านอาหารและที่พักใกล้ๆอุทยานมากมาย เราแวะกินร้านครัวสุพรรณ อาหารตามสั่ง ส้มตำ ไก่ย่าง  รสชาติอาหารตามสั่งอร่อยถูกปากคะ รสชาตเข้มข้น จัดจ้าน เราสั่งข้าวกระเพราเนื้อ 2 จาน ข้าวผัดพริกแกง 2 จาน ส้มตำไข่เค็มปลากรอบ ไข่เจียว ราคามื้อนี้ 300 บาทคะ

กินอิ่มแล้วลุยคะ เข้าอุทยานกัน ก่อนอื่นศึกษาเส้นทางในอุทยานก่อนคะว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง ลานหิน เช่น หินรูปทรงจานเรดาร์ หินรูปทรงถ้วยฟุตบอล, ผาสุดแผ่นดิน จุดชมทุ่งดอกกระเจียว1, 2, 3 เดี๋ยวเราจะไปทุกจุดก่อนพระอาทิตย์ตกกันคะ

แผนที่ภายในอุทยานป่าหินงาม

16:00 ผ่านด่านค่าธรรมเนียมก่อนเข้านะคะเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท ผู้สูงอายุ 60ปีขึ้นไปเข้าฟรีนะคะ ทริปนี้มี 1 คนที่เข้าฟรีนะ อุทยานปิด 6 โมงเย็นนะคะ

ด่านต่อมาช่วงเทศกาลทางอุทยานไม่อนุญาติให้นำรถขับขึ้นไปเองนะคะ เราจะต้องซื้อตั๋วรถซาฟารีนั่งขึ้นไปยังจุดต่างๆภายในอุทยานคนละ 30 บาทแล้วเดินไปตามช่องทางที่จัดให้เลยคะ เจ้าหน้าที่บอกว่ามีรถวิ่งบริการตั้งแต่ 6:00 – 18:00 ใครจะชมทะเลหมอกเช้าๆสามารถมาได้นะ แต่ไม่ได้มาตอนเช้าอันนี้ไม่แน่ใจนะคะว่ามีจริงหรือป่าว

จุดแรกที่รถมาส่งคือ ผาสุดแผ่นดิน ณ จุดนี้เป็นจุดที่สูงที่สุดของเทือกเขาพังเหย ( 846 เมตร ) เกิดจากการดันตัวของแผ่นดินภาคกลาง ( ฉานไทย ) ซุกเข้าใต้แผ่นดินภาคอีสาน ( อินโด-ไชน่า ) ทำให้เกิดขอบยกสูงขึ้น แบ่งระหว่างภาคกลางกับภาคอีสานจึงเรียกบริเวณนี้ว่า สุดแผ่นดินอีสาน-กลาง-เหนือ อากาศเย็นสบายกำลังดีเลยคะ ไม่มีแดด นั่งชมวิวป่าเขียวๆมุมสูงแบบนี้สดชื่นจริงๆเลยคะ ซูดโอนโซนลึกๆแล้วไปเที่ยวจุดต่อไปกันคะ

จากจุดนี้สามารถเดินตามแผนที่ไปยังทุ่งดอกกระเจียวจุดที่ 1 ต่อได้เลยเส้นทาง 350 เมตร แต่ทริปนี้ให้ผู้สูงอายุเดินมากๆเดี๋ยวจะเหนื่อยเกินไปนั่งรถไปจุดต่อไปกันดีกว่าคะ นั่งรถลงมา สะพานเดินชมทุ่งดอกกระเจียว เดินเล่นไม่กี่เมตรก็เจอแล้วแล้วพ่อแม่ก็เดินกลับตามระเบียบ

นั่งรถไปยังจุดต่อไปรถไปจอดที่ ลานหินหน่อ แต่ไม่ลงค่ะเพราะเวลาใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้วขอไปลงยังจุดไฮไลท์อีกจุดดีกว่า แล้วท่าทางฝนใกล้จะมาแล้ว

ลานหินหน่อ

ลานหินหน่อ

จุดต่อมาที่รถไปจอดคือ ลานหินงาม  เป็นบริเวณที่มีโขดหินใหญ่รูปร่างแปลก ๆ เช่น ตะปู  เรด้าร์  แม่ไก่ ถ้วยฟุตบอล หรือปราสาทหิน กระจายอยู่เต็มไปหมดในเนื้อที่กว่า 10ไร่ เกิดจากการกัดเซาะของเนื้อดินและหินเป็นลักษณะแตกต่างกัน

ลานหินงาม

ลานหินงาม

18:30 เดินเที่ยวจนพอใจแล้วคะ แต่หาหินราชสีห์ กับ ช้างเอราวัณ ไม่เจอเลยคะ ไม่รู้เราไม่ค่อยมีจินตนาการ หรือว่าเราหลงทางก้ไม่รู้ ออกจากอุทยานไปหาร้านอาหารกินมื้อเย็นกันดีกว่า เราเลือกกินร้านที่ไม่ไกลจากอุทยานและที่พักมากเพราะทางเริ่มมืดแล้ว เลือกร้าน ครัวไทยอีสาน เพราะร้านค่อนข้างใหญ่ จัดร้านสว่าง โต๊ะน่านั่งดีคะ แถวนั้นไม่ค่อยมีร้านเปิดเยอะเท่าไรคงเป็นเพราะเป็นวันธรรมดา สั่งอาหาร ปลานิลเผา ต้มแซ่บกระดูกหมู ผัดคะน้าน้ำมันหอย ข้าวผัดหมู ข้าวต้มหมูสับ ราคาทั้งหมด 445 บาท อ่านรีวิวร้านอาหารที่นี่

กินเสร็จแล้วก็กลับเข้าที่พัก เตรียมเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ วันนี้ขอลาไปก่อนฝันดีนะคะจุ๊ฟๆ

สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก
ค่าธรรมเนียมอุทยานป่าหินงามคนละ 40บาทจำนวน 3 คน 120 บาท
รถนำเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวคนละ 30 บาทจำนวน 4 คน 120 บาท
มื้อกลางวันครัวสุพรรณ 300 บาท
มื้อเย็นครัวไทยอีสาน 445 บาท
ที่พักไร่ภูแสง 1200 บาท
รวมทั้งหมด 2,185 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำมันนะจ๊ะเอาไว้รวมวันสุดท้าย

Kabochasushi ร้านอาหารญี่ปุ่น

July 25, 2016 in รีวิวร้านอาหาร

Sushi set

Deluxe Sushi Set ราคา 239฿

Roll

Spicy Maguro sai มี 5 ชิ้นราคา 190฿

Crunchy roll ราคา 230 บาท

Salad

KAIZEN SALAD ราคา 280฿

 Donburi แปลว่า อาหารจานเดียว Kaisen DON ไคเซ็นด้ง นั้นก็คือข้าวสวยญี่ปุ่นตักใส่ชามแล้วนำเอาซาชิมิหรือปลาดิบมาวางเรียงอย่างหรูหราสวยงาม หน้าของไคเซ็นด้ง จะเป็นอาหารทะเล ได้แก่ ปลามากุโระ หอยเชลล์ ปลาแซลมอน ปลาหมึก กุ้ง ปลาหมึกยักษ์ ไข่ปลาแซลมอน ไข่หอยเม่น และเสิร์ฟพร้อมกับ ไข่ทอดญี่ปุ่น ใบโอบะ และ วาซาบิ

Deluxe Don set ราคา 229฿

SUPER SALMON  DON ซอสมิโซะ 249

ABURI HOTATE SALMON SAIKYO DON ซอสมิโซะ ราคา 299฿

NEGITORO IKURA DON ราคา 364 บาท ข้าวหน้าไข่ปลากับท้องปลาทูน่าบดหรือสับแล้วโรยหน้าด้วยต้นหอมญี่ปุ่นซอย เนื้อปลาชมพูๆหวานๆเนื้อนุ่มอาจเพราะสับมาหรือป่าวกินคู่กับไข่ปลาเค็มๆมันๆไม่ต้องใส่โชยุเลยลงตัวมากขอบอก

SALMON DON SET ราคา 169฿

SALMON+MAGURO+HAMACHI DON ราคา 297 บาท

CHIRACHI BARA DON ข้าวหน้าปลาดิบ มีซอสมีรสชาติหวานๆเค็มๆราดบนปลาดิบหั่นชิ้นเล็กพอดีคำสำหรับผู้หญิงเลย ชามนี้ราคา 239บาท

Sashimi

Deluxe Sushi Set ราคา 239฿

SALMON SASHIMI ที่ละ 4 ชิ้นราคา 120฿

5 ten mori sashimi set 1080฿ –> 648฿ ชุดปลาดิบที่รวบรวมเอาวัตถุดิบที่ให้รสสัมผัสสดชื่น ทั้งโฮตาเตะขนาดใหญ่โรยไข่ปลาแซลม่อน ปลาแซลม่อนสดชิ้นหนาๆ ส่วนลำตัวสุดละมุนหวานๆมัน และส่วนท้องที่ทั้งมันทั้งนุ่มลิ้น ปลาฮามาจิชิ้นโตเนื้อแน่นหวานหอม ยังมีปลามากุโร่ และสุดท้ายที่อยู่กลางเซตเอนกาวะเบิร์นไฟมาหอมๆท๊อปด้วยไข่กุ้ง เซตนี้จัดว่าฟินเลยคะ

Sushi

A5 WASABI ราคาคำละ 170฿

HOKKIGAI SUSHI  ฮอกกิไงซูชิ ราคาคำละ 30฿ ให้หอยมาทั้งชิ้นไม่ตัดแบ่งคำนี้ชิ้นใหญ่มากชิ้นใหญ่เท่าถ้วยน้ำจิ้มโชยุเลย เนื้อหอยมีความกรุบกรอบเด้งสู้กับฟันเคียวสนุกเต็มคำคะชอบอีกแล้ว

Salmon king Gunkan แซลมอนสดจากนอร์เวย์เบิร์นไฟห่อข้าวราดด้วยซอสเทริยากิ ด้านบนTopด้วยท้องปลาแซลม่อนสับโรยต้นหอมโรยไข่กุ้งและไข่ปลา ราคาคำละ 77฿

Unagi foie gras sushi ซูชิปลาไไหลราคาคำละ 88฿ ไม่ค่อยชอบทานปลาไหลเท่าไหร่คะ คำนี้เป็นของคุณแฟนเค้าบอกว่ารสชาติดีเต็มปากเต็มคำ

Hotate saikyo sushi ราคาคำละ 60 บาท ซูชิหอยโฮตาเตะราดซอสมิโสะไซเกียวแล้วเบิร์นด้วยไฟให้หอมโรยด้วยไข่ปลา ตัวซอสมีรสหวานๆเค็มอ่อนๆหอมกลิ่นย่างไฟ และไข่ปลาที่กัดลงไปแล้วแตกความหวานๆเค็มๆมันๆของมันทำให้อร่อยลงตัวในคำเดียวจริงๆ


Salmon foiegras sushi ราคาคำละ 45 บาท อันนี้ก็อร่อยเด็ดไม่แพ้กันซูชิแซลม่อนราดซอสเทริยากิเบิร์นไฟ แต่ที่อร่อยคือฟัวร์กาที่อยู่บนเนื้อปลาเบิร์นไฟหอมละลาย แล้วโรยด้วยไข่กุ้งเพื่อรสสัมผัสกรุบๆในคำ

IKA Sushi  ราคาคำละ 45 บาท ซูชิหน้าปลาหมึก คำนี้เซฟจัดแบบเบิร์นไฟมาให้ด้วย เนื้อปลาหมึกนุ่มๆหนึบๆหอมกลิ่นย่างอ่อนๆจิ้มกับโชยุเต็มปากเต็มคำคะ

ABURI SALMON WAGYU PRO ราคาคำละ 90฿

Foiegras sushi 220–>110฿ ฟัวกราส์จากฝรั่งเศสชิ้นใหญ่เบิ้มปิดข้าวมิด ย่างไฟจนหอม ราดซอสสูตรเฉพาะของทางร้านหอมเค็มๆหวานๆ เข้าปากแล้วชิ้นฟัวกราส์นุ่มละลายความอร่อยและกลิ่นหอมฟุ้งกระจายเต็มปาก เชฟย่างไฟให้พอสุกข้างนอกโดยที่ข้างในยังไม่สุก(ย่างแบบ rare) เลยทำให้สัมผัสรสชาติความอร่อยสุดๆ

YAKI ยะกิ (焼き) ที่แปลว่าย่าง ปิ้ง และทอดด้วยกระทะ

SALMON SHIOYAKI ราคา 169บาท เซตแซลม่อนย่างเกลือมาพร้อมข้าวกับซุป

Map (แผนที่)

Website (เว็บไซต์) : https://www.facebook.com/Kabochasushi

สาขา  ladphrao19

เวลาเปิด-ปิด  11-14.00&17-22.00น.(จ-ศ), 11.00-22.00น.(ส-อา)

โทร 095 691 6586

Masaru Shabu & Sushi Buffet บุฟเฟ่ต์ชาบู ซูชิไม่อั้น

July 11, 2016 in รีวิวร้านอาหาร

อยากกินเนื้อและซูชิ ซาซิมิปลาดิบแบบเน้นๆ ต้องมาลองร้านมาซารุ สาขา CDC  เด๋วมาเขียนต่อ เย็นแล้วขอตัวไปวิ่งออกกำลังกายก่อนนะค่ะ แหะๆๆ  

ปิดท้ายด้วยของหวาน เป็นเครปเย็นเสริฟพร้อมไอศครีมเลือกได้ว่าจะเอารสชาติไหน ชอบกินช๊อคโกแลตคะเลยจัดไป 1 ที่

Neta Sushi บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นแถวปิ่นเกล้า

July 6, 2016 in รีวิวร้านอาหาร

บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นอีกแล้ว!!! สวัสดีคะวันนี้กลับมาเจอกันอีกแล้วเวลาอยากกินปลาดิบขึ้นมาทีไรก็ไม่สามารถกินแค่ไม่มีกี่คำได้จริงๆคะ ซึ่งก่อนหน้าวันนี้ได้ไปจัดอาหารญี่ปุ่นแบบ a la carte มาแล้วหลายมื้อ ข้าวหน้าปลาแซลม่อน เซตซูชิ เซตโรล ก็ยังไม่หายอยากกินปลาดิบซะที เลยต้องหาร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นกินให้หายอยากซะที ไม่งั้นต่อมอยากกินไม่ยอมหยุดทำงานแน่ๆ เริ่มปฎิบัติการค้นหาร้านบนเฟสบุคนี่แหละเคยเห็นโฆษณาผ่านตาอยู่บ้างครั้งนี้ลองร้านนี้แระกันคะเค้าโฆษณาว่ามีเมนูกว่า 100เมนู แล้วที่ดึงดูดในการตัดสินใจมาลองซูชิปลาแซลม่อนของร้านนี้ก็คือ ท๊อปด้วยชีสแล้วเบิร์นไฟ โอ๊ยน่ากินอะไรเบอร์นั้น ตอนอ่านเมนูอาหารและอ่านรีวิวไปนั้นก็เป็นเวลากลางคืน หิวซิคะ อยากจะให้เช้าเร็วๆเสียจริงจะรีบไปนั่งรอหน้าร้านเพื่อกินบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น

มาถึงร้านประมาณบ่ายโมงนิดๆ ไม่ต้องรอคิว เลือกโต๊ะนั่งได้สบายๆ เลือกนั่งตรงบาร์คะ อยากแอบดูเชฟทำไปด้วย ภายในร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นสามารถทานได้ไม่เกิน 90นาที ทานได้ไม่จำกัด (แต่ห้ามเหลือนะคะไม่งั้นโดนปรับ) ราคา 499 บาทราคาไม่รวมเครื่องดื่มนะคะ ได้เมนูมาแล้วกวานสายตาคร่าวๆไลน์ปลาแซลมอนน่าจะมีประมาณ 30-40 กว่าเมนูเห็นจะได้ ซูชิสารพัดหน้า ของทอง ย่าง และสลัดอีกหลากหลายแบบ แต่จะถึง 100เมนูอย่างที่โฆษณาถึงมั๊ยมาลองดูกันนะคะ แต่คาดว่าคงกินได้ไม่ครบทุกเมนูแน่ๆคะ เริ่มสั่งเถอะบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น

ชีสทอด Deep fried cheese ทอดมาใหม่ๆร้อนๆเลยคะ เป็นมันฝรั่งห่อชีส คลุกเกล็ดขนมปังทอด กัดแล้วชีสยืดดดดดด

สาหร่ายห่อปลาแซลม่อนสไปซี่ทอด fried salmom spicy nori มาเสริฟแบบร้อนเช่นกันทอดมากรอบด้านนอก เนื้อปลาออกแนวแห้งไปนิด กินกับซอลสไปซี่ตัดความเลี่ยนของอาหารทอด โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะความกรอบเหมือนจะแข็งไปนิดเนื้อปลาก็ทอดสุกจนแห้งเกินไป ไม่รู้ว่าทอดไว้นานแล้วหรือป่าวแล้วอุ่นซ่ำก่อนเสริฟ และซอสสไปซี่รสชาติเป็นซอสพริกไปเลยไม่ค่อยประทับใจเมนูนี้คะ

สลัดแซลม่อนสไปซี่ salmom spicy  salad สลัดถ้วยนี้มาแบบเล็กๆสำหรับ 1 ท่าน คล้ายๆว่าจะมาในขนาดยำสาหร่าย ผักสลัดกรุบกริบ แตงกวาญี่ปุ่นมาเต็มไว้กินแก้เลี่ยนกับอาหารเมนูอื่น และซอสสไปซี่โรยไข่กุ้งมาพูนๆเลย คลุกกินกับเนื้อแซลม่อนนุ่มๆ

ยำแซลม่อน salmon tataki เป็นยำรสชาติแบบไทยๆที่มีกลิ่นของหัวหอมและต้นหอมไทยและเผ็ดเล็กน้อย โดยส่วนตัวก็ไม่ถูกใจเมนูนี้เพราะยังไม่แซ่บพอแล้วก็มีกลิ่นต้นหอมและหัวหอมที่แรงมาก ใครที่ชื่นชอบรสหวานและกลิ่นของหัวหอมต้นหอมน่าจะชอบนะคะ

แซลม่อนแช่น้ำปลา จานนี้จัดว่าแซ่บ แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นอาหารฟิวชั่นรสชาติไทยๆที่ใช้แซลม่อนแล่บางแช่ในน้ำยำสีเขียวแล้วโรยด้วยหอมเจียว ชอบคะจานนี้ การกินหอมเจียวคู่กับเนื้อปลาดิบให้อารมร์เหมือนกินหอยนางรมสดๆกับหอมเจียวเลยคะ 555

ของกินเล่นสั่งไปเยอะแล้ว ซูชิที่เราได้สั่งก็มาเสริฟบ้างแล้วค้าาาาาาาคำแรกที่กินคืออะไรจำไม่ได้ พอรู้ตัวว่าจะเอามาเขียนบันทึกนี่น่าเลยถ่ายอันนี้มาก่อน ซูชิแซลม่อนเบรินไฟซอสไซเคียว

ซูชิแซลมอนเบรินไฟท็อปด้วยชีส

ซูชิกุ้งลาวา

ซูชิหมูคุโรบุตะท็อปด้วยชีส

ซูชิเบคอน

ซูชิตับชีส

ซูชิกุ้งเทมปุระ

Map (แผนที่)

Website (เว็บไซต์) : https://www.facebook.com/netasushibangkok

สาขา  The Sense Pinklao

เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – อา.: 11:30 – 21:30

โทร 02 884 6146

เที่ยวมงก๊กก่อนกลับสนามบินเช็กแล็บก็อก(Hong Kong International Airport) : พาพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ตอน4

March 5, 2016 in ต่างประเทศ, ฮ่องกง

วันนี้เรากลับกรุงเทพแล้วหลังจากที่ไปเที่ยวมา3วัน วันนี้เครื่องออก 5 โมงเย็นมีเวลาเที่ยวเก็บตกช๊อปปิ้งแถวมงก๊กกันพอสมควร เริ่มจากโจ๊กในตลาดสดฟ๊า หยูน ก๊าย ก๊าย สี (Fa Yuen Street Market) เป็นอาคารฟู้ดเซ็นเตอร์มีร้านอาหารเปิดแต่เช้า

ชื่อร้าน : Mui Kee Congee
สถานี Mongkok Station Exit B3 ร้านอยู่ชั้น 3 ตลาดสด Fa Yuen Street Market
เวลาเปิด-ปิด 7:00am – 3:00pm
โทร 27890198

ขึ้นลิฟต์มาหาร้านโจ๊กแล้วนั่งหน้าร้านเลยคะ ดูเมนูมีภาษาไทยด้วย

สั่งโจ๊กไข่เยี่ยวม้า

โจ๊กหมู

สั่งเตี๋ยวหลอดไปด้วย

คุณลุงน่ารักมากเลย ท่ายืนคุณลุงจะเอามือไขว้หลังยืนตัวตรงตรงหน้าร้านแบบนี้ พอเห็นเราถ่ายรูปคู่กับร้านก็ยิ้มให้กล้องด้วยนะ เห็นมั๊ยคะ

ถนนเส้นนี้ขายรองเท้า จัดมาคนละคู่

ก่อนไปสนามบินเติมพลังด้วยเป็ดย่างสักจาน

ป้ายรอรถบัสสาย A21 ไปสนามบิน

ถึงสนามบินมีบรรยากาศตรุษจีนเบาๆ

ขึ้นเครื่องกลับไทยแล้วค่ะ

ชิมร้านอร่อยในฮ่องกง: พาพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ตอน3

March 3, 2016 in ต่างประเทศ, ฮ่องกง

Day 1 – 13/1/2016 อ่านรีวิวตอน 1 คลิกที่นี่
8:50 Go to HK
12:40 Arrival at the hongkong airport
14:00 ขึ้น Bus เข้าทีพัก
15:00 Checkin Hotel
16:00 Shopping Mongkok
17:30 หาข้าวกิน
20:00 Avenue of Stars
21:00 โจ๊กรอบดึกก่อนเข้านอน

Day 2 – 14/1/2016  คลิกที่นี่
9:00 กินบะหมี่ลูกชิ้นปลา
10:30 เดินเล่น Citygate
12:30 ขึ้นกระเช้านอนปิงไปเที่ยว
14:00 Po Lin Monastery
18:00 shopping Citygate
19:00 Lady Market (Mongkok)

Day 3 – 15/1/2016
10:00 เดินเล่น Venetian macau
11:30 หาข้าวกินที่เวเนเชียน
13:00 ดูโชว์ที่Saranghae
14:00 St. Paul Macau
16:00 Fisherman’s Wharf
18:00 กลับเกาะฮ่องกง

Day 3 – 15/1/2016

วันนี้เช้ามาก็ฝนตกเลยจร้า บวกกับคุณนานแม่ปวดเท้าเพราะเดินเยอะจากการไปเที่ยวมา2วันแล้ว เสียดายวันนี้เลยไม่ได้ข้ามเรือไปเที่ยวเกาะมาเก๊าเลยคะ วันนี้เราเลยตกลงเปลี่ยนแผนเป็นตะเวนกินของอร่อยๆในฮ่องกงตามรีวิววในพันทิป แบบเดินทางไม่ยากและเดินไม่เยอะแทน แผนใหม่วันนี้ก็คือ โจ๊ก Nathan Congee & Noodle, เดินย่อยอาหารที่ห้าง Langham Place, กินติมซ่ำที่ Majesty Chinese Restaurant, กินข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ, นั่งรถบัสชมวิวเมืองกลางคืน, ข้ามเรือไปดูตึกยามค่ำคืนฝั่งฮ่องกง มาดูร้านแรกกันในวันนี้กันเลยคะ

ชื่อร้าน : Nathan Congee and Noodle (โจ๊กไม่ลองไม่รู้)
สถานี Jordan Station Exit B1 ร้านอยู่ตรงข้ามโรงแรม Novotel
เวลาเปิด-ปิด 7:30 -23.00น.
โทร +852 2384 7355

นั่ง MTR มาลงสถานี Jordan

หลังจากเดินกางร่มลุยฝนมาถึงหน้าร้านแล้วก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซะหน่อยเชคอินบนเฟสบุคก่อนซะหน่อยว่ามาถึงร้านแล้ว

กินโจ๊ก Nathan Congee & Noodle

เข้ามาในร้านมีแต่คนไทยมากินเป็นส่วนใหญ่เลยคะ คนขายก็พูดไทยได้ฟังไทยรู้เรื่อง ในร้านมีประมาณ10โต๊ะได้คะ นั่งกันโต๊ะละ 2-4 คน ดูเมนูที่ข้างฝาร้านได้เลยคะเป็นภาษาไทยพร้อมราคา แต่ราคาจะอยู่ในภาษาจีนนะคะอ่านไม่ออกเลยไม่รู้ว่าแต่ละชามราคาเท่าไร สิ่งแรกที่มาเสริฟก่อนเลย ปาท่องโก๋ ตับหมูลวก เด็ดจริงๆจานนี้ใครมาก็บอกต้องสั่งให้ได้ ตับกรอบเด้งดึ๋งๆ เนื้อกรอบข้างในนุ่ม หวาน ไม่เหม็นคาว ลวกมากำลังดีราดน้ำซอสอะไรสักอย่างมาน้ำเค็มๆหวานๆหอมกลิ่นน้ำมันงาและมีขิงและต้นหอมลวกหรือผัดซอสมาไม่แน่ใจ แต่อร่อยมาก โจ๊กหมูทุกอย่าง เครื่องในชิ้นใหญ่ๆ ใส่มาเต็มชามทั้งตับหมู ไส้หมู กระเพาะหมูชิ้นเบ้อเริม ข้าวยังแอบเป็นเม็ดๆไม่ค่อยเนียนละเอียดเหมือนกินข้าวต้มนิ่มๆเกือบเป็นโจ๊ก และทีเด็ดเมนูดังประจำร้านคือโจ๊กเป๋าฮื้อ มาชิ้นใหญ่โตมากประมาณ 2 ชิ้นถ้าจำไม่ผิด เนื้อเป๋าฮื้อมีรสชาติหวานฉ่ำ นุ่มลิ้น กลิ่นที่หอมหวนมันรู้สึกเหมือนกลิ่นทะเลๆ คือรู้เลยว่าทำไมถึงแพง เพราะเนื้อสดและหอมแบบนี้นี่เอง

โจ๊กเป๋าฮื้อ nathan congee & noodle

กินเกลี้ยงก็เรียกเก็บเงินทั้งหมด 305HK$ คิดในใจว่าลุงคิดมั่วเปล่าทำไมแพงจังใบเสร็จอะไรก็ไม่มีมาให้เพราะเห็นคนในพันทิปบอกว่าโจ๊กเป๋าฮื้อจะแพงหน่อยไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ ออกมาจากร้านคุณนายแม่ก็บอกว่าแพงจังกินโจ๊กบ้าอะไรตั้ง 1500บาท ไปกินห่านย่างยังดีกว่า เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน สรุปว่าร้านนี้บ้านเราคงมาลองกินแค่ครั้งเดียวพอรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร แอบติดใจเรื่องราคาเพราะไม่เขียนใบเสร็จให้เหมือนร้านอื่นที่ไปกินมา

หลังจากที่กินเสร็จ ฝนก็ยังไม่หยุดตก ไม่อยากพาเดินตากฝนเดี๋ยวจะเป็นหวัดหรือลืนล้มไปจะเที่ยวไม่สนุก เลยพาไปเดินห้างเพื่อนย่อยอาหารกันซะหน่อย

สถานที่เที่ยว : Langham Place Shopping Mall
สถานี : Mongkok Station Exit C4
เวลาเปิด-ปิด : 10AM–11PM
รายละเอียด : เป็นห้างที่แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของย่านมงก๊กมีถึง 13 ชั้น จำหน่ายข้าวของเครื่องใช้มากมาย มีทั้งโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ฟูดคอร์ทอยู่บนชั้น 4 ร้านจำหน่ายเสื้อผ้าชั้นนำแฟชั่นต่างๆ เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ ของเล่นของนักสะสมต่างๆ และไฮไลท์ของห้างอีกหนึ่งอย่างคือ บันไดเลื่อนยาวสุด ๆ นี้จะข้ามทีเดียว 4 ชั้นเลยน่ะค่ะ และแต่ละเทศกาลจะถูกตกแต่งตามเทศกาลนั้นๆเช่นคริสมาส ตรุษจีน

เดินไปเดินมาสักพักเห็นว่าเวลายังไม่11:00 ก็ตัดสินใจไปลองกินติ่มซ่ำเพราะอ่านมาเจอว่า ถ้าไปกินในช่วง 7 โมงเช้า ถึง 11 โมงนะครับ จะได้ส่วนลดพิเศษ

ชื่อร้าน : Majesty Chinese Restaurant
สถานี : Mongkok Station Exit A1
เวลาเปิด-ปิด : Mon.-Sun. 07:00-04:00
รายละเอียด : เป็ดปักกิ่ง ติมซ่ำ อาหารจีนและซีฟุ้ด อร่อยถูกปากคนไทย ราคาไม่แพง ร้านสาขา Mongkok ให้ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 3 ทางร้านคิด10% Service Chargeด้วยนะคะ

สาขามงก๊กจะซ่อนอยู่ในตึก ต้องขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนนะคะจะเจอร้าน

ขึ้นมาแล้วหาที่นั่งเลยคะ ยืนรออยู่หน้าร้านไม่มีพนักงานมาพาไปนั่งโต๊ะเลย สงสัยให้เดินหาโต๊ะนั่งเองเลยเดินเข้าไปหาที่ว่างแล้วนั่ง ในร้านมีแต่ผู้สูงอายุนั่งกินเต็มร้านเลยคะ พอเรานั่งเสร็จพนักงานก็เอากระดาษที่เป็นเมนูราคาพิเศษมาให้เลือกติ๊กว่าจะเอาเมนูอะไรบ้าง ลืมถ่ายมาให้ดูเลยคะ พนักงานในร้านสื่อสารภาษาอังกฤษกับเราไม่ได้เลยโยนกันไปกันมา สุดท้ายเราสั่งไปหลายอย่างแต่ได้มาไม่กี่อย่างเอง ได้ติมซ่ำอะไรบ้างมาดูกันคะ

เรียกเก็บตังค์แระเบื่อ….ไม่ได้ดั่งใจ มื้อนี้โดนไป 167HK$ ไม่ค่อยประทับใจกับการบริการสักเท่าไหร่ ถือว่ามานั่งหลบฝนดูบรรยากาศร้านแระกัน คงไม่มากินอีกละ หาร้านอื่นดีกว่ามั้งแบบนี้ ลืมถ่ายบิลมาอีกแระเซ็งตัวเอง วันฝนตกนี่ไม่ถูกกับบ้านเราเลยกินอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ

ไม่อื่มจากติ่มซ่ำเลยไปจัดข้าวหน้าเนื้อคนละชาม มื้อนี้ 67HK$ กินเสร็จฝนก็ยังตกอยู่ โปรยๆก็เปียกขี้เกียจเดินกันเลยให้พ่อกับแม่กลับไปพักผ่อนที่ห้อง ส่วนหญิงออกไปช๊อปปิ้งเสื้อผ้าคนเดียวชิลๆไม่ต้องเกรงใจพ่อแม่

ตกเย็นท้องฟ้าค่อยๆมืดฝนหยุดตกแล้ว เลยออกมาหาที่เที่ยวกันเอาแบบที่ไม่ต้องเดินเยอะ งั้นพาขึ้นรถ2ชั้นให้นั่งแถวหน้าสุดเลย นั่งชิมวิวตอนค่ำของฮ่องกงไปลงที่ท่าเรือแล้วกัน แบบนี้พ่อกับแม่โอเคยิ้มเลย ไม่ต้องเดิน 555 ไปรอรถที่ป้ายรถเมลกันคะตามแผนที่นี้

เส้นทางเดินรถสาย A21

นั่งไปเรื่อย ติดไฟแดงตามแยกไปเรื่อยๆ พ่อกับแม่ดูวิว 2 ข้างทาง ไปถึงป้าย 14.Middle Road, Nathan Road ก็ลงเดินข้ามถนนไปฝั่งท่าเรือ

ถึงท่าเรือ เตรียมข้ามฝั่งแล้วคะ จะมีป้ายไปทางซ้าย กับ ขวา เราไปทางป้ายที่ชี้ไป TO CENTRAL

สถานที่เที่ยว : ท่าเรือข้ามฟาก (Star Ferry)
สถานี : MTR Tsim Sha Tsui Station, Exit L6
เวลาเปิด-ปิด : Monday – Saturday 7:20 a.m – 10:50 p.m. , Sunday and Public Holidays 7:40 a.m.- 11:00 p.m.
รายละเอียด : เรือสตาร์เฟอร์รี่ที่งดงามทำหน้าที่รับส่งผู้โดยสารจากเกาะฮ่องกงไปฝั่งเกาลูนตั้งแต่ปี 1888 แม้ว่าปัจจุบันสองฝั่งของอ่าววิคตอเรียจะเชื่อมต่อกันด้วยระบบถนนและอุโมงค์รถไฟโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกแล้ว แต่ทุกปีผู้คนหลายสิบล้านคนยังใช้บริการเรือสตาร์เฟอร์รี่อยู่ นักท่องเที่ยวจำนวนมากตั้งใจลงเรือนี้เพื่อมาชมวิวอ่าวอย่างใกล้ชิด และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอ่าวที่มีคนมาถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนนิตยสาร National Geographic จัดให้การนั่งเรือสตาร์เฟอร์รี่ข้ามฝากเป็นหนึ่งใน “50 สถานที่ที่น่าประทับใจไม่มีวันลืม” อัตราค่าโดยสาร จัน-ศุกร์ 2.50HK$, เสาร์อาทิตย์และวันหยุดเทศกาล 3.40HK$ ใช้บัตรออคโตพุสแตะเข้าได้เลยจร้า

แตละรอบจะห่างกันประมาณ 10 นาที แล้วแต่ช่วงเวลาคะ มีบอกไว้ในเว็บนี้นะคะ http://www.starferry.com.hk/en/service

ได้ขึ้นเรือแล้ว แอบวินเทจนะเรือคลาสิกดีคะชอบ เรือที่เรานั่งโครงเรือเป็นด้านบนเป็นไม้ได้บรรยากาศจริงๆ ล่องชมอ่าวและแสงไฟของตึกสวยประทับใจคุณนายแม่มากเลยคะ ลมก็เย็น

ข้ามมาถึงฝั่ง CENTRAL แล้วเดินเล่นนิดหน่อยพ่อก็เริ่มง่วงแล้วดูจากภาพนี้ซิคะ ตาจะปิดแล้ว 555

พ่อง่วงแล้วเลยพากันนั่งเรือกลับไปฝั่งจิมซาจุ่ย นั่งMTRกลับย่านมงก๊กแล้วปิดท้ายก่อนนอนด้วยร้านบะหมี่แถวที่พักย่านมงก๊ก ร้านเดิมเพิ่มเติมคือหญิงสั่งข้าว ชอบกินเครื่องในตุ๋นของที่ฮ่องกงมากกกกกก(กอไก่ล้านตัว) มันทั้งเปื่อย นุ่ม หอม มากี่ครั้งก็สั่งทุกที

สรุปค่าใช้จ่ายของวันนี้นะคะ Day 3 – 15/1/2016 ราคาทั้งหมดต่อ 3 คนเลยนะคะ
โจ๊กเป๋าฮื้อ Nathan Congee and Noodle HK$305
ติ่มซ่ำ Majesty Chinese RestaurantHK$167
ข้าวหน้าเนื้อโยชิโนยะ HK$67
บะหมี่ลูกชิ้นปลามื้อดึก HK$146
รวม HK$ 685

ไหว้พระใหญ่ นั่งกระเช้า Ngong Ping 360 : พาพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ตอน2

March 1, 2016 in ต่างประเทศ, ฮ่องกง

พาพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ตอน2 ไหว้พระใหญ่ นั่งกระเช้า Ngong Ping 360

Day 1 – 13/1/2016 อ่านรีวิวตอน 1 คลิกที่นี้
8:50 Go to HK
12:40 Arrival at the hongkong airport
14:00 ขึ้น Bus เข้าทีพัก
15:00 Checkin Hotel
16:00 Shopping Mongkok
17:30 หาข้าวกิน
20:00 Avenue of Stars
21:00 โจ๊กรอบดึกก่อนเข้านอน

Day 2 – 14/1/2016
8:00 ไปกินโจ๊ก Nathan Congee & Noodle
9:30 Chi Lin Nunnery วัดนางชี
10:30 วัดกังหัน
11:30 หารัยกิน Citygate
12:30 ขึ้นกราะเช้านอนปิงไปเที่ยว
14:00 Po Lin Monastery
18:00 shopping Citygate

Day 3 – 15/1/2016

เดินเล่น Venetian macau
หาข้าวกินที่เวเนเชียน
ดูโชว์ที่Saranghae
St. Paul
Macau Fisherman’s Wharf

Day 2 – 14/1/2016

จากแผนเริ่มต้นด้วยการไปชิมโจ๊กไม่ลองไม่รู้ที่ Nathan Congee & Noodle แต่เนื่องจากเมื่อคืนคุณนายและคุณพ่อได้จัดโจ๊กไปแล้ว เช้ามาเลยขอเปลี่ยนเป็นบะหมี่ดีกว่า ก็ตามใจผู้สูงวัยเลยคะ ไปทดลองชิมร้านบะหมี่ลูกชิ้นปลาใกล้ๆที่พักแระกัน เลยเลือกร้านนี้เลยคะป้ายเป็นภาษาจีน ในแผนที่ก็เป็นภาษาจีนเลยเอารูปมาให้ดูเลยละกันว่าอยู่ตรงไหนจะได้ไปกันถูกตามนี้เลย และราคาก็อยู่ที่ประมาณชามละ 40-50$

Map (แผนที่)
ชื่อร้าน : Zhang วัง คี อเบอร์ดีน ลูกชิ้นปลา
สถานี มงก๊ก Mong Kok Station Exit C1
เวลาเปิด-ปิด 0:00 -24.00น. (24ชั่วโมง)
โทร +852 2827 1668

ด้านหน้าร้านเป็นแบบนี้จร้า มีตู้ลูกชิ้นปลาให้ซื้อกลับบ้านด้วยนะเอ้อ

บะหมีลูกชิ้นปลาล้วนๆ ลูกชิ้นช่างกรอบ เด้งดีเหลือเกิน

บะหมี่ชิ้นปลารวม

บะหมีเกี้ยวปลาเท่านั้น รวมค่าเสียหาย 3 ชาม น้ำโค้ก2 ก็ HK$138 อิ่มท้องแล้วก็ไปนั่งรถ MTR ไปขึ้นกระเช้า ngong ping 360 เราเดินทางจาก Mongkok ด้วยสายสีแดง แล้วเปลี่ยนไปสายสีเหลืองที่สถานี Lai King ->Tung Chung ใช้เวลาเดินทาง 33 นาที ราคาอยู่ที่ HK$16.5

แล้วก็มาถึง เมื่อออกมาจะพบกับ Citygate ที่ช๊อปปิ้งขนาดใหญ่ที่ใครมาฮ่องกงต้องแวะมานะจะบอกให้ เดี๋ยวค่อยกลับมาดูไม่งั้นอาจไม่ได้ไปขึ้นกระเช้า 555

วิธีเดินทางไปนอนปิง (Ngong Ping 360)
สถานี Tung Chung (ถังชั่ง) Exit B เดินออกจากสถานีมองไปข้างหน้าทางซ้ายมือ ประมาณ 200 เมตรจะเจอบันไดเลื่อน
รายละเอียด เป็นเส้นทางนั่งกระเช้าจากสถานี Tung Chung ระยะเวลา 25 นาทีชมวิวเทือกเขาและทะเลหรือจะลองกระเช้าแบบพื้นใส Crystal Cabin ที่จะเห็นวิวเบื้องล่างอย่างชัดเจน เมื่อขึ้นไปถึงจะพบกับหมู่บ้านวัฒนธรรมนองปิง ซึ่งจะมีร้านค้าและร้านอาหารในรูปแบบหมู่บ้านโบราณ และพระใหญ่อันโด่งดัง อารามโป๋หลิน ลานนองปิงอันสวยงามบนเขา

ตรงทางขึ้นจะมีทุกภาษาเลยนะเอย เห็นภาาษไทยของเรามั๊ยคะ ^^ เมื่อขึ้นมาเราจะพบกับแถวที่ยาวเหยียด ทบไปทบมา ซ้อนหลายตลบมากคะ

แต่ไม่ต้องห่วง งานนี้มีผู้สูงวัยมาด้วยเราเลยต้องเตรียมอำนวยความสะดวกสบายให้โดยจอง e-ticket มาจากที่เมืองไทยแล้ว มาออกบัตรที่ช่อง Customer Service (ช่องหมายเลข 13-14) ที่บริเวณห้องจำหน่ายตั๋วของ Ngong Ping 360 โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวซื้่อตั๋วเลย ราคาและโปรโมชั่นดูจากเว็บนี้เลย ใครเดินทางในช่วงที่มีโปรโมชั่นจะมีลดราคาด้วยนะลองเข้าไปดูกันคะ http://www.np360.com.hk/

ได้มาแล้วจร้า ต่อแถวเตรียมขึ้นกระเช้าได้เลย

นั่งกระเช้ามาถึง ก็จะเจอหมู่บ้านวัฒนธรรมนอนปิง ช่วงที่เรามาเป็นเดือนมกราคมมีจัดเทศกาลคิดตี้ Hello Kitty

ตามคุณนายแม่มาคะ ไปไหว้พระใหญ่กันคะ

ดูคลิปเดินเล่นดูบรรยายในหมู่บ้านนอนปิง ก่อนไปขึ้นไว้พระกันคะ ชอบอย่าลืม subscribe ใต้คลิปด้วยนะคะ^^

แผนที่ในหมู่บ้านนอนปิง ngong ping village

แผนที่ในหมู่บ้านนอนปิง Ngong ping village

หลังจากขึ้นไปไหว้กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อไปอีกนิดเพื่อเข้าไปชมวัดโป่หลิน po lin monastery

วัดโป่หลิน (Polin Monastery)เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาโป่หลิน ของเกาะลันเตา วัดโป่หลิน แปลเป็นไทยว่า วัดดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นเมื่อปี1924เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ประทับกลางแจ้งองค์ใหญ่ที่สุดในโลก องค์พระสร้างจากการเชื่อมแผ่นสัมฤทธิ์ถึง200แผ่นหนัก 250ตันและสูง 34เมตร องค์พระหันพระพักตร์ไปยังเนินเขาเบื้องล่างบริเวณทะเลจีนใต้

เดินกันเข้ามาถึงด้านในแล้วนะคะ คุณนายเริ่มเมื่อยเจอที่นั่งขอพักแป๊ป ด้านในอาคารไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปนะคะ เข้าขมและเก็บความสวยงามด้วยตาเท่านั้น ต้องมาสัมผัสด้วยตาตัวเองคะขอบอก แอบสปอยล์นิดนึงว่าคล้ายๆภายในของวัดเล่งเนี๊ยยี้แถวๆนนทบุรีเหมือนกันนะ อิอิ

เดินจนครบแล้วก็เกือบๆจะ 5 โมงเย็น พ่อกับแม่น่าจะใกล้หิวแล้วหล่ะ ก็พาไปขึ้นกระเช้ากลับไปยังซิติ้เกทเพื่อหาอะไรกินและก็ช๊อปปิ้งกันคะ พ่อกับแม่บอกยังไม่หิวเลย ดูภาพเอาเองนะคะว่าหิวป่าว 55

เนื่องจากคุณนายแม่อยากกินกระเพรา ตอนแรกวางแผนจะไปติมซำที่ซิตี้เกทก็พังทลาย พาไปกินที่ฟู้ดคอทแทนชื่อว่า FoodRepublic เป็นแหล่งรวมอาหารอร่อยภายใน City Gate Outlet ที่รวมอาหารเอเซีย และยุโรป มีอาหารไทยด้วยที่สำคัญ เวลาเปิด/ปิด 10:30 am – 10:30 pm แต่ไม่ผิดหวังนะ เพราะว่ากระเพราหมูสับของคุณนายแม่อร่อยเหมือนที่เมืองไทยเลย เพราะไม่คิดว่ารสชาติจะเหมือนที่ไทย เพราะจากการไปกินกระเพราที่ต่างประเทศมาก็อย่างที่หลายๆคนอาจจะเจอคะ คือหวานและไม่มีรสชาติกระเพราเลยใส่ใบโหรพาบ้างหล่ะ แล้วแต่จะเจอว่าร้านไหนทำสูตรไหนเลยคะ แต่ร้านนี้คอนเฟริมว่ารสชาติเหมือนที่เมืองไทย อร่อยจัดจ้าน หายคิดถึงอาหารไทยไปได้หน่อยนึง แม่กล่าว555

ปิดท้ายวันนี้ด้วยการไปเดิน Ladies Market : Night Market ย่านมงก๊ก Mongkok

วิธีเดินทางไปเลดี้ส์มาร์เก็ต (Lady Market)
สถานี Mong Kok Station, Exit E2 เดินออกจากสถานีเดินไปตามถนนเนลสัน 2 ช่วงถนน
รายละเอียด เป็นถนนที่มีร้านรวงขนาดเล็กกว่า 100 ร้านที่ขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ และของที่ระลึกในราคาย่อมเยา เลดี้ส์มาร์เก็ตบนถนนตุงชอย เป็นแหล่งช้อปปิ้งทอดยาว 1 กิโลเมตรให้โอกาสคุณได้ฝึกฝนทักษะการต่อราคา เปิดตั้งแต่ 12.00 – 23.30 น เรียกได้ว่าเดินกันทั้งคืนเลย

วันนี้เราเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ขอตัวกลับที่พักและจบรีวิวเท่านี้ก่อนนะคะ ติดตามต่อตอนหน้านะคะ

สรุปค่าใช้จ่ายของวันนี้นะคะ Day 2 – 14/1/2016 ราคาทั้งหมดต่อ 3 คนเลยนะคะ

บะหมี่ป้ายดำ มื้อเช้า HK$138
ขนมจากเซเว่น HK$20
ตั๋วกระเช้านอนปิง (จองและจ่ายจากเมืองไทย) 2100฿
กาแฟที่หมู่บ้านนอนปิง HK$80
ช๊อปปิ้งที่ซิตี้เกจ HK$xxxx
มื้อเย็นที่ FoodRepublic HK$170

รวม HK$ 408+2100฿

ขอบคุณคะที่อ่านจนจบ ติชมกันได้เลยนะจะได้เอามาปรับปรุงในริวิวต่อๆไป

ดูแสงสีเสียงที่ฮ่องกง Symphony of Lights (SOL) : พาพ่อแม่ไปเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเอง ตอน1

February 26, 2016 in ต่างประเทศ, ฮ่องกง

รีวิวการเที่ยวครั้งนี้เป็นทริปสบายๆ เพราะพาคนแก่….อุ๊บส์ คนสูงวัยไปเดินเล่นรับอากาศเย็นๆ ชมวิวฮ่องกงทั้งกลางวัน กลางคืน หาอะไรกินอร่อยๆ และนั่งกระเช้าไปไหว้พระใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเกาะฮ่องกงที่นอนปิงนั่นเอง บทความนี้อาจมีแต่รูปคนเที่ยวซะส่วนใหญ่นะคะ อย่าว่ากันน๊า ดูวิวอย่างเดียวก็ได้ อย่าดูหน้าคนรีวิวเลยเดี๋ยวเบื่อกันเพราะมีแต่รูปคน 555
Day 1 – 13/1/2016
8:50 Go to HK
12:40 Arrival at the hongkong airport
14:00 ขึ้น Bus เข้าทีพัก
15:00 Checkin Hotel
16:00 Shopping Mongkok
17:30 หาข้าวกิน
20:00 Avenue of Stars
21:00 โจ๊กรอบดึกก่อนเข้านอน

Day 2 – 14/1/2016
Nathan Congee & Noodle
หารัยกิน Citygate
Po Lin Monastery
shopping Citygate

Day 3 – 15/1/2016
เดินเล่น Venetian macau
หาข้าวกินที่เวเนเชียน
ดูโชว์ที่Saranghae
St. Paul
Macau Fisherman’s Wharf

Day 1 – 13/1/2016 เริ่มจากสุวรรณภูมิ “Bangkok (BKK) to Hongkong (HKG)

Flight HX768  BKK at 8:50 –> HKG 12:40

ขึ้นเครื่องกันคะ ครั้งนี้เราทดลองขึ้นสายการบินอื่นกันดูบ้าง นั่นก็คือ ฮ่องกงแอร์ไลน์ Hong Kong Airlines บินประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็ถึงฮ่องกงจร้า บนเครื่องก็สะดวกสบายดี ที่นั่งถือว่าไม่คับแคบ มีจอสำหรับดูหนังฟังเพลง แอร์บริการแจกผ้าเช็ดมือ ผ้าห่ม หูฟัง อาหารและเครื่องดื่มตามมาตรฐานสายการบิน ในไฟล์ที่เรานั่งไปมีอาหารให้เลือก 2 อย่างคะหว่างผัดหมี่ไก่ย่าง กับ ออมเล็ตไส้กรอก

นั่งดูหนังเพลินๆก็ถึงสนามบินฮ่องกงแล้วคะ  เมื่อลงมาแล้วก็นั่งรถไฟไปยังเทอร์มินอลเพื่อนผ่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเดินทางออกไปเที่ยวกันคะ

การเดินทางออกจากสนามบินฮ่องกง มีหลายวิธี
1 Airport Express (AE) เป็นวิธีที่สะดวกสบาย และประหยัดเวลาที่สุดแต่เพื่อนๆต้องดูว่าจุดที่เราจะลงนั้นมีให้บริการหรือเปล่า เพราะเป็นรถด่วนจอดไม่กี่ป้ายเท่านั้นนะ ดูรายละเอียดตามลิงค์นี้เลย http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/airport_express_index.html
2 shuttle bus Cityflyer A21 ข้อมูลแบบละเอียดมีภาพประกอบแวะไปดูที่ลิงค์นี้เลยจร้า http://www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=25669.0
3 นั่งรถบัส สาย S1 ไปต่อ MTR ที่ Tung Chung Station วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ประหยัดค่าเดินทางที่สุดและเหมาะกับคนที่มีสัมภาระไม่เยอะ เพราะต้องเปลี่ยนรถแล้วไปขึ้นรถไฟฟ้าหลายต่อหน่อยนะคะ
เราเลือกนั่งรถบัสจากสนามบินไปลงแถวๆที่พักเพราะสะดวกดี และผู้ใหญ่จะได้นั่งรถชมวิวเมืองไปด้วยระหว่างเดินทาง และค่าเดินทางไม่แพงค่ารถโดยสารสำหรับผู้ใหญ่ HK$33 / เด็ก HK$16.5 (3-11 ขวบ) / ผู้สูงอายุ HK$16.5 (65 ปี ขึ้นไป) โดยสามารถจ่ายเงินสดก็ได้แต่ต้องเตรียมเงินให้พอดีนะคะเพราะไม่มีการทอนเงินหรือจะใช้บัตร Octopus แต่พวกเราซื้อตั๋วแบบไป-กลับ สนามบินคนละ HK$55 ที่เคาท์เตอร์ขายตั๋วใกล้ๆจุดจอดรถคะประหยัดไปอีกคนละ HK$11 โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาทีจร้า

ราคาและรอบรถ ดูได้จากที่นี่ค่ะ http://www.nwstbus.com.hk/routesearch.aspx?t=1456402319373&intLangID=1 เราลง ป้ายที่ 6    Argyle Centre, Nathan Road คะ เข้าที่พักกันก่อน เก็บของเก็บกระเป๋าแล้วออกมาเดินหาอะไรกินกันก่อนไปเดินดูไฟที่จิมซาจุ่ย สังเกตุได้ว่านายแม่ของเราร่าเริงมากเมื่อได้เจออากาศเย็นที่ฮ่องกงอารมดีเป็นพิเศษ

ร้านแรกที่กินในฮ่องกงขอเป็นร้านฟาสฟู้ดหน่อยก็แล้วกัน เร็วๆสั่งง่ายๆอร่อย เดินไม่ไกล ราคาไม่แพง ก็ร้านนี้เลยคะ cafe de coral สั่งเลยจร้าข้าวเป็ด+หมูแดง ไม่ได้จดราคาไว้เลยประมาณจานละ HK$ 38-45 มื้อนี้ของเรา 3 จานก็ HK$109 รวมเครื่องดื่ม พออิ่มกันแล้วก็เกือบๆทุ่มเห็นจะได้ เตรียมตัวเดินทางไปดูการแสดงแสงสีเสียงของแต่ละยอดตึกยามค่ำคืนที่จิมซาจุ่ยกันดีกว่านั่นคือ Symphony of Lights (SOL) ด้วยรถไฟฟ้า MTR โดยใช้บัตร Octopus ที่ซื้อมาจากสนามบินได้เลย นั่งไปลงสถานี Tsim Sha Tsui (จิมซาจุ่ย) Exit E แล้วเดินตรงไปที่อ่าวผ่านช๊อป louis vuitton หากเดินไปทางซ้ายจะเป็น Avenue of the Star แต่เราจะไปทาง ClockTower ก่อนเพราะจะไปจองที่นั่งดูไฟกัน

แผนที่ การเดินทางไปดู Symphony of Lights (SOL) ฮ่องกง

วิธีเดินทาง การเดินทางไป Avenue of the Star
สถานี Tsim Sha Tsui (จิมซาจุ่ย) Exit E
เดินตรงไปที่อ่าวจะผ่านช๊อป louis vuitton ข้ามถนนแล้วเลี้ยวขวาจะไปทาง ClockTower
รายละเอียด ได้ชื่อว่าเป็นการแสดงแสงสีเสียงกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดซึ่งบันทึกสถิติโลก กินเนสส์ บุ๊คเนส การแสดงจะประกอบด้วย 44 อาคารชั้นนำที่อยู่ในฝั่งฮ่องกง  และฝั่งเกาลูน  เป็นโชว์การยิงแสง Laser และไฟต่าง ๆ ประกอบเพลงการแสดงเริ่ม 20:00 ของทุกวัน เวลาในการแสดง 13 นาที เข้าชมฟรี และมีคำบรรยายจะมี 3 ภาษาในแต่ละวันดังนี้ค่ะ
ภาษาอังกฤษ : วันจันทร์, วันพุธ และวันศุกร์
ภาษาโปรตุเกส : วันอังคาร, วันพฤหัส และวันเสาร์
ภาษาจีน : วันอาทิตย์
   แนะนำให้จับจองบริเวณริมน้ำด้านหน้าของศูนย์วัฒนธรรมฮ่องกงจะมีที่นั่ง และบริเวณชั้น2 มีที่นั่งและใกล้ลำโพงเสียงดนตรีประกอบ ดูพร้อมกับการแสดงแสงสีเสียงได้เต็มอารมณ์ และข้อดีอีกอย่างมีฟรีไวไฟให้เล่นอีกด้วยคะ ใครที่ไม่ได้ซื้อซิมหรือซื้อไวไฟมาสามารถต่อเล่นได้เลยแรงด้วยนะ ดีจริงๆ



ดูโชว์จบแล้วเดินไปทางถนน avenue of starshong kong

แผนที่ การเดินทางไป Avenue of the Star

การเดินทางไป Avenue of the Star
ลงสถานี Tsim Sha Tsui (จิมซาจุ่ย) Exit E
เดินตรงไปที่อ่าวจะผ่านช๊อป louis vuitton ข้ามถนนแล้วตรงไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วคะ
รายละเอียด เป็นสถานที่รำลึกถึงบุคคลที่มีส่วนทำให้ฮ่องกงกลายเป็น “ฮอลลีวู้ดแห่งตะวันออก” มีรูปปั้นประติมากรรมของบรูซ ลี แอนนิต้า หมุย แมคดัลล์ และรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง มีรอยประทับมือของดารา 20 คน จัดแสดงบนถนนริมน้ำยาวประมาณเกือบกิโล
***ถนนดวงดาวที่ย่านจิมซาจุ่ยปิดซ่อมแซมและบูรณะ คาดว่าจะเสร็จสิ้นช่วงปลายปี 2018 ผลงานจัดแสดงจากถนนดวงดาวจะมีจัดแสดงไว้ที่สวนดวงดาวและสตาร์รี่แกลเลอรี่ระหว่างนี้ (UPDATE)

รอยฝ่ามือดารา ถนนดวงดาวที่ย่านจิมซาจุ่ย

กลับกันดีกว่าคะอากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ลมแรงเดี๋ยวคุณนายกับคุณพ่อสุดที่รักจะป่วยซะก่อน เรากลับทางเดิมเลยคะกลัวจะหลง แต่ที่เพิ่มเติมคือเห็น 1881 Heritage ประดับไฟสวยๆคะ คุณนายก็หายง่วงทันที เข้าไปถ่ายรูปกับสถานที่สวยๆสิคะ แชะๆๆรัวๆ

ลงใต้ดินกันเถอะคะ ได้เวลานั่งรถไฟกลับที่พัก ปกติพ่อกับแม่อยู่เมืองไทยเข้านอนกันตั้งแต่2-3ทุ่มแล้วนะคะ นี่4ทุ่มแล้วยังไม่นอนคืออะไร 555

คืนนี้ยังไม่จบง่ายๆ แวะกินโจ๊กอุ่นๆก่อนนอน ไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านเอาไว้เลย เป็นร้านเล็กๆดูงั้นๆ แต่โจ๊กเนื้อเนียนอร่อยมาก อร่อยสุดในทริปในบรรดาร้านโจ๊กเลยคะ พ่อกับแม่ยังอยากกินอีกครั้งในวันสุดท้ายก่อนกลับ แต่ไม่รู้ว่าร้านไหน เลย อด เลย ราคาก็ไม่แพงคะอยู่ที่ประมาณ HK$ 28-45

สรุปค่าใช้จ่ายของวันนี้นะคะ Day 1 – 13/1/2016 ราคาทั้งหมดต่อ 3 คนเลยนะคะ
BusA21 ไป-กลับ HK$165
Cafe de coral HK$109
MTR Mongkok <-> Tsim Sha Tsui ไปกลับ HK$31.2
โจ๊ก HK$91
ขนมเซ่เว่น HK$27
รวม HK$ 423.2

จบ Day 1 เป็นที่เรียบร้อยคะ ขอเขียนต่อเป็นตอน 2 นะคะ บ๊ายบายยยยยยยย^^

กินติ่มซำที่เดอะ แคนตัน เฮ้าส์ ครัวกรุงเทพ (The Canton House)

February 24, 2016 in รีวิวร้านอาหาร

วันนี้ทำรีวิวกินติ่มซำที่เดอะ แคนตัน เฮ้าส์ ครัวกรุงเทพ (The Canton House) มีหลายสาขาเลยนะคะ พอดีวันนี้มาแถวเลยลองกินสาขานี้ดูละกัน ในช่วงหลังๆมานี้ไม่ค่อนได้กินสักเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่าคุณภาพอาหารลดลงไป หรือว่าเราคิดไปเองก็ไม่รู้ วันนี้ลองชิม ติมซำและอาหารจีน ดูอีกสักทีว่าจะมีรสชาติดีเหมือนแต่ก่อนหรือยังน๊า เมนูที่สั่งไปวันนี้คือไม่หิวเท่าไร ก็สั่งข้าวผัดปู ผัดเบบี้บล๊อคโคลี่น้ำมันหอย ซาลาเปาหมูแดง ซี่โครงหมูเต้าซี่ ขนมจีบปู กุ้งนึ่งซีอิ้ว เยื่อไผ่ยัดไส้ สามสี ฮะเก๋า ไข่เค็มยัดไส้ พอแค่นี้ก่อนดีกว่ามาดูหน้าตาอาหารกันคะ

เริ่มต้นกันที่ข้าวผัดปู ข้าวหอมมะลิเป็นเม็ดเรียงตัวกันดี ผัดหอม ไม่มันเยิ้มนะ ใช่ได้เลยทีเดียว เนื้อปูก็ตามภาพเลยคะ (หาไม่เจอ555)

เมนูเข่งมาแล้ว ซี่โครงหมูเต้าซี่ ชอบมากเนื้อหมูเปื่อย ล่อน ไม่ติดกระดูกเลย กินง่ายมากคะ เบิ้ลไป 2 แข่ง

ขนมจีบปู Crab Meat Dumplings จำรสชาติไม่ค่อยได้ ไว้จะไปลองใหม่แล้วจะมาอัพเดทนะคะ

ขนมจีบปู Crab Meat Dumplings

ขนมจีบปู
Crab Meat Dumplings

ซาลาเปาไส้หมูแดง อัดแน่นมาเต็มเข่งเลยมาตั้ง 3 ลูก

เข่งนี้คือ กุ้งนึ่งซีอิ๊ว Steamed Prawn with Soya Sauce  ในเข่งนี้จะมี 1 คำเป็นกุ้งหนึ่งตัวห่อติมซำมาเลย

กุ้งนึ่งซีอิ๊ว Steamed Prawn with Soya Sauce

กุ้งนึ่งซีอิ๊ว
Steamed Prawn with Soya Sauce

เยื่อไผ่ยัดไส้ หญิงว่าเมนูนี้น่าจะเป็นเยื่อไผ่แปะบนหมูมากกว่า ยัดไส้ตรงไหนนู๋ งง 555

เยื่อไผ่ยัดไส้ Shrimp Dumplings Topped with Bamboo Pith

เยื่อไผ่ยัดไส้
Shrimp Dumplings Topped with Bamboo Pith

สามสี แป้งห่อคล้ายแป้งฮะเก๋าอะ ใสๆเหนียวนุ่ม ไม่ค่อยมีหมูติ่มซำเท่าไร ได้แต่แป้งห่อมากกว่า

สามสี Three Coloured Steamed " Ha-Kao "

สามสี
Three Coloured Steamed ” Ha-Kao “

ฮะเก๋ากุ้ง ต้องกินทุกร้านที่มีฮะเก๋ารสชาติกลางๆแป้งที่ห่ออาจจะนึ่งนานไปหน่อยเปื่อยไปนิดนึงนะคะ

ฮะเก๋ากุ้ง Ha-Kao Shrimp Dumplings

ฮะเก๋ากุ้ง
Ha-Kao Shrimp Dumplings

ไข่เค็มยัดไส้ มันคือเอาไข่แดงของไข่เค็มมาวางดื้อๆบนหมูติมซำนั่นแหละคะ รสชาติกลางๆ

ไข่เค็มยัดไส้ Shirmp Dumplings Topped with red Egg

ไข่เค็มยัดไส้
Shirmp Dumplings Topped with red Egg

มาดูของทอดๆกันบ้างคะ

เบบี้บร็อคโคลี่น้ำมันหอย ชอบนะผัดมาหอมอร่อยดีคะ ผักก็ยังกรอบ เชฟสาขานี้ผัดอาหารอร่อยใช้ได้เลยคะ

เบบี้บร็อคโคลี่น้ำมันหอย Stir-fried babybroccoli with Oyster Sauce

เบบี้บร็อคโคลี่น้ำมันหอย
Stir-fried babybroccoli with Oyster Sauce

น้ำคลอโรฟิว รสชาติเปรียวหวานคล้ายๆน้ำมะนาวแต่สีเขียวจากผักชนิดได้ไม่รู้จริงๆค่ะว่าเป็นพืชผักชนิดใด ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวเลยอะร่อยชื่นใจดีคะ

Map (แผนที่)

Website (เว็บไซต์) : www.thecantonhouse.com / http://www.facebook.com/thecantonhouse

สาขา

เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – อา.: 11:00 – 21:00

โทร 022162475 , 0893932227